แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 15414|ตอบ: 0
go

พระภัททกาปิลานีเถรี [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

พระภัททกาปิลานีเถรี
ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสาร หากยังเวียนว่ายอยู่ในความมืดมนแห่งทะเลทุกข์ ชีวิตนั้นย่อมต้องทนทุกข์ทรมานอีกยาวนาน ตราบใดที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังปรากฏอยู่ตราบนั้นย่อมมีผู้ได้โอกาสบรรลุธรรม และด้วยความปรารถนาที่จะไปให้ถึงวันแห่งความสำเร็จของชีวิต ผู้ที่มีบุญมีปัญญาจึงรักการสั่งสมบุญบารมี มีมโนปณิธานอันแน่วแน่ ใจจะต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าชีวิตจะตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายเพียงใด ใจก็ยังมุ่งมั่นต่อเป้าหมายสูงสุดมุ่งมั่นในทางพระนิพพาน เราทั้งหลายโชคดีที่ได้โอกาส เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ให้ใช้โอกาสดีนี้สร้างบารมีกันให้เต็มที่
มีวาระพระบาลีที่กล่าวไว้ ในสัมมาทิฏฐิสูตรว่า
บุคคลในโลกนี้ ตั้งใจไว้ชอบ กล่าววาจาชอบ กระงานชอบ เป็นผู้มีการสดับมาก ได้ทำบุญไว้ในชีวิตอันมีประมาณน้อยนิดในมนุษย์โลกนี้ บุคคลนั้นเป็นผู้มีปัญญา เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสวรรค์
การดำเนินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ มากมายมีทั้งดี และไม่ดี ทั้งสุข และทุกข์ ประสบการณ์ต่างๆ สอนให้แต่ละชีวิตต้องเรียนรู้ในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าเรารู้จักดำเนินชีวิต มีความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีงาม มีเป้าหมายมั่นคงมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน และหมั่นสั่งสมบุญกุศลอยู่ตลอดแล้ว เส้นทางชีวิตของเราย่อมจะพบกับความสุขความสมหวังอย่างแน่นอน เหมือนพระเถรีภัททกาปิลานีผู้เป็นพระอรหันตเถรีในครั้งสมัยพุทธกาลท่านได้เดินข้ามพ้นห้วงแห่งสังสารวัฏแล้ว
ย้อนไปในกัปที่หนึ่งแสนจากภัทรกัปนี้ พระปทุมมุตตระพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติบังเกิดขึ้น ครั้งนั้นในพระนครหังสวดี มีเศรษฐีชื่อว่าวิเทหะ เป็นผู้มีทรัพย์มาก ในชาตินั้นพระเถรีได้เป็นชายาของท่านเศรษฐี บ่อยครั้งที่เศรษฐีพร้อมกับบริวารได้เข้าไปเฝ้า เฉพาะพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโอกาสฟังธรรมซึ่งเป็นเหตุนำความสุขมาให้ พระบรมศาสดาได้ทรงประกาศแต่งตั้งสาวกองค์หนึ่งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศ ของสาวกผู้กล่าวสรรเสริญธุดงควัตร ท่านเศรษฐีได้ฟังและบังเกิดความเลื่อมใส ได้ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าตลอดระยะเวลา ๗ วัน แล้วซบศรีษะยรลงแทบพระยุคลบาท ปรารถนาตำแหน่งนั้นด้วย พระบรมศาสดาเมื่อจะทรงให้บริษัทอาจหาญร่าเริงในธรรม และเพื่ออนุเคราะห์ท่านเศรษฐีจึงได้ตรัสว่า
ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ เธอจะเป็นพระสาวกนามว่ากัสสปะ ในพระศาสนาของพระบรมศาสดาพระนามว่าโคดม ความปรารถนาของเธอจะสำเร็จในพระศาสนาของพระศาสดาพระองค์นั้น เศรษฐีได้ฟังพุทธพยากรณ์ดังนั้น ก็มีความร่าเริงเบิกบานใจ จึงได้ตั้งใจสร้างบารมียิ่งๆ ขึ้นไป ได้บำรุงพระภิกษุสงฆ์ด้วยปัจจัยสี่เรื่อยมาจนตลอดอายุขัย
เมื่อพระปทุมมุตตระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานแล้ว ท่านเศรษฐีจึงได้เชิญชวน หมู่ญาติมิตรมาประชุมกัน แล้วได้สร้างพระสถูปเจดีย์สำเร็จด้วยรัตนะสูง ๗ โยชน์ รุ่งเรืองดังพระอาทิตย์ส่องแสงในยามฟ้าใส และได้ปลูกต้นรังมีดอกบานสะพรั่งเพื่อบูชาพระศาสดา ส่วนภรรยาของเศรษฐีได้ให้ช่าง ๗ คน เอารัตนะ ๗ อย่างทำเป็นตะเกียง ๗๐๐ , ๐๐๐ ดวง เอาน้ำมันหอมใส่จนเต็มทุกดวง ให้ตั้งประทีปไว้ในอาณาบริเวณโดยรอบพระเจดีย์ แสงประทีปได้ลุกโพลงสว่างไสวดังไฟไหม้ป่า เพื่อบูชาบุคคลผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ผู้อนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง และยังให้ช่างทำหม้อทองคำ ๗๐๐ , ๐๐๐ ใบ บรรจุรัตนชาตินานาชนิดจนเต็ม และมีวัตถุที่ควรบูชาที่เป็นทองตั้งไว้ในท่ามกลางระหว่างหม้อทุกๆ ๘ ใบ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ครั้งนั้นในพระนครพันธุวดี มีพราหมณ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ดี เป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม และทรัพย์สมบัติ แต่ภายหลังกลับตกยาก แม้ครั้งนั้นนางก็ไปเกิดเป็นพราหมณี มีใจศรัทธาเสมอกันกับพราหมณ์นั้น ได้เข้าไปเฝ้าพระมหามุนี ฟังธรรมจากพระองค์แล้ว ก็เบิกบานใจได้ถวายผ้าห่มผืนหนึ่ง มีผ้านุ่งผืนเดียวกลับไปเรือนและบอกให้ภรรยาอนุโมทนาในผลทานนั้น นางพราหมณีก็เกิดความปีติยินดีประนมมืออนุโมทนาสาธุการว่า ข้าแต่นาย ผ้าห่มผืนนั้น ท่านได้ถวายดีแล้วแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้คงที่ และด้วยบุญนั้นที่ได้ทำไปด้วยความศรัทธา ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นด้วยเถิด บุญนั้นทำให้ทั้งสองมีความเจริญด้วยสุขสมบัติร่วมกัน ได้ท่องเที่ยวไปในสุคติภพ
ต่อมา บุญก็ส่งผลให้ได้เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ ในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นนางพราหมณีได้เป็นมเหสีของพระราชา และเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยสร้างบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ครั้งนั้นพระราชาทอดพระเนตรเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ พระองค์กำลังเที่ยวบิณฑบาต ได้ถวายบิณฑบาตที่ปราณีตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความเบิกบานพระทัย ทรงนิมนต์ให้อยู่เป็นเนื้อนาบุญ และรับสั่งให้พวกช่างสร้างมณฑปรัตนะที่สำเร็จด้วยทองสูง ถึง ๑๐๐ ศอก เมื่อสร้างเสร็จพระราชาทรงอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดให้เข้าไปพักอาศัย ได้ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองไม่เคยขาด แม้ครั้งนั้นพระมเหสีก็ได้ถวายทานร่วมกับพระราชา
มีอยู่ภพชาติหนึ่งท่านได้บังเกิดในตระกูลกุฎุมพีผู้มั่งคั่ง น้องสาวสามีของท่านเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเอาอาหารที่ทำให้สามีซึ่งเป็นส่วนของพี่ชายถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่เดิมนาง มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำพูดนั้นจึงโกรธน้องสาวสามี และน้อยใจในพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเทบิณฑบาตของพระปัจเจกพุทธเจ้าทิ้ง แล้วถวายบาตรที่เต็มไปด้วยเปือกตมแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อสามีเห็นภรรยาแสดงออกด้วยจิต ที่ไม่เป็นกุศลในการให้ทาน การรับ การไม่เคารพ และการประทุษร้าย จึงรู้สึกสลดใจมาก และได้รับบาตรมาแล้ว เอาน้ำหอมอย่างดีล้างให้สะอาด พอนางหายโกรธก็เกิดกุศลจิตขึ้นมาใหม่ นางได้ถวายน้ำตาลกรวดกับเปรียงจนเต็มบาตร หลังจากนั้นไม่ว่านางจะเกิดในภพชาติไหนๆ ก็มีรูปงามเพราะได้ถวายทาน แต่ก็มีกลิ่นตัวเหม็นเพราะความโกรธที่ได้ทำต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า
ต่อมาในสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า เมื่อสามีสร้างพระเจดีย์ของพระพุทธเจ้าสำเร็จ นางมีความยินดีได้ถวายแผ่นอิฐทองคำอย่างดี เอาแผ่นอิฐนั้นชุบด้วยน้ำหอมที่เกิดจากเครื่องหอม ๔ ชนิดจนเปียก ให้ช่างเอารัตนะ ๗ ประการทำตะเกียง ๗๐๐ , ๐๐๐ ดวง ใส่เปรียงจนเต็ม ตามประทีปตั้งไว้ ๗ แถว บูชาพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกด้วยจิตเลื่อมใส ด้วยบุญนั้นจึงทำให้พ้นจากกรรมที่มีกลิ่นตัวเหม็น
แม้ในครั้งนั้น นางก็มีส่วนในบุญนั้นเป็นพิเศษ เมื่อสามีมาเกิดในแคว้นกาสี มีนามปรากฏว่า สุมิตตะ นางก็ได้เป็นภรรยานายสุมิตตะนั้นอีก เจริญด้วยสุขสมบัติร่วมกัน ทั้งยังเป็นที่รักของสามี ครั้งนั้นสามีได้ถวายผ้าโพกศีรษะเนื้อดีแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้นางก็ได้มีส่วนแห่งทานได้อนุโมทนา เมื่อมาบังเกิดในกำเนิดชาวโกลิยะในแคว้นกาสี ครั้งนั้นสามีพร้อมกับบุตรชาวโกลิยะ ๕๐๐ คน ได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นให้อยู่จำพรรษาตลอดไตรมาส และได้ถวายไตรจีวร นางก็ได้มีส่วนร่วมในบุญกุศลครั้งนั้นด้วย ครั้นเคลื่อนจากอัตภาพนั้น สามีก็ได้เกิดเป็นพระราชาพระนามว่า นันทะ มีพระอิสริยยศยิ่งใหญ่ แม้นางก็ได้เป็นพระมเหสีของท้าวเธอ เป็นผู้มั่งคั่งในสิริราชสมบัติ
พระเจ้านันทะเคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้ว ก็มาเป็นพระเจ้าพรหมทัต ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน พระนางกับพระเจ้าพรหมทัต ได้อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ ผู้เป็นพระโอรสของพระนางปทุมวดี ให้อยู่ในพระราชอุทยานแล้วอุปัฏฐากบำรุง พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นจนตลอดชีวิต ทั้งสองได้สร้างพระเจดีย์ไว้หลายองค์ บวชแล้วเจริญอัปปมัญญา ได้ไปสู่พรหมโลก ครั้นจุติจากพรหมโลก ในที่สุดสามีได้มาเกิดเป็นปิปผลิมาณพมีทรัพย์สมบัติมากมาย และนางก็ได้มาเกิดเป็นลูกสาวเศรษฐีได้แต่งงานกัน แต่ก็ไม่ยินดีในการครองเรือนจึงออกบวชพร้อมกัน ในที่สุดเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมก็ได้บรรลุพระอรหัตทั้งสองท่าน และก็ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาตามที่ได้ตั้งจิตปรารถนาไว้ทุกประการ
เราจะเห็นว่า ชีวิตของนักสร้างบารมีผู้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ ที่ประสบความสำเร็จโดยตลอดเพราะได้สั่งสมบุญบารมีไว้อย่างดีแล้ว บนเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยบุญกุศลล้วนๆ แม้บางชาติจะพลั้งพลาดไปบ้าง แต่ถ้ายังยึดมั่นในการสั่งสมบุญบารมีแล้ว ย่อมจะไม่มีวันตกต่ำ แม้เส้นทางจะยาวไกล แต่ถ้าใจเรามั่นอยู่ในการสร้างบารมี เราก็จะเข้าใกล้พระนิพพานเข้าไปทุกขณะ เพราะฉะนั้น ให้ทุกๆ ท่านตั้งใจสร้างบารมีกันให้เต็มที่ และหมั่นตรึกระลึก ถึงบุญที่ศูนย์กลางกายให้ใจอยู่ในบุญกันตลอดเวลา


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-2 10:03 , Processed in 0.056937 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.