แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดจอมทอง ม.๔ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_8942.1.JPG



วัดจอมทอง

ม.๔ ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

[พระบรมธาตุเจดีย์]

----------------------


(แก้ไขข้อมูลล่าสุด : 14 ธันวาคม 2565)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8516.JPG



การเดินทางไปวัดจอมทอง


ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๘ (สายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) เข้าสู่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทาง ๑๙๑ กิโลเมตร ไปทางเข้าเมืองอำเภอแม่สะเรียง ติดริมถนนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๘ เยื้องฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์อำเภอแม่สะเรียง

แล้วแยกซ้ายไปวัดจอมทอง (เส้นทางแม่สะเรียง-สบเมย) ซึ่งอยู่ติดกับวัดจอมแจ้ง เลี้ยวเข้าถนนรพช. มส. ๔๐๗๕ (ทุ่งพร้าว-ป่ากล้วย) และเดินทางต่อมาอีกประมาณ ๑๐๐ เมตร ถึงซุ้มประตูทางเข้าวัดจอมทอง


IMG_8520.JPG



วัดจอมทอง ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งพร้าว หมู่ที่ ๔ ตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระยะทางห่างจากวัดจอมแจ้ง ๑ กิโลเมตร



IMG_8518.JPG



IMG_8521.JPG



IMG_8522.JPG



ซุ้มประตูทางเข้า วัดจอมทอง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8525.JPG



IMG_8530.JPG



161.jpg



วิหาร วัดจอมทอง


IMG_8939.JPG



IMG_8666.JPG



พระบรมธาตุเจดีย์ (พระธาตุจอมทอง) ประดิษฐานด้านหลังวิหาร วัดจอมทอง



IMG_8942.JPG



IMG_8570.JPG



IMG_8667.JPG



พระบรมธาตุเจดีย์ (พระธาตุจอมทอง) วัดจอมทอง


ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างโดยชาวไทใหญ่ ตระกูล "แม่เฒ่าหม่อนเงิน" โดยยืมเงินทองในถ้ำ สัญญากับเจ้าที่ว่า ถ้าค้าไม้สักได้กำไรดีจะมาสร้างเจดีย์ไว้บนหลังถ้ำนี้ และก็ค้าได้กำไรมากเกินคาด จึงมาก่อสร้างพระเจดีย์ขึ้น ๑ องค์ เมื่อปี พ.ศ.๒๒๐๑

ต่อมาตระกูลไทใหญ่ชื่อ "พ่อเฒ่าหม่องสลอบปุตตา" สร้างขึ้นอีก ๑ องค์ คู่กัน แต่เล็กกว่าเล็กน้อย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๖


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8949.JPG



IMG_8944.JPG



IMG_8535.JPG



IMG_8542.JPG



IMG_8578.JPG



IMG_8631.JPG



IMG_8682.JPG



พระธาตุจอมทอง (องค์ใหญ่) วัดจอมทอง


สร้างโดยชาวไทใหญ่ ตระกูล "แม่เฒ่าหม่อนเงิน" เมื่อปี พ.ศ.๒๒๐๑



IMG_8947.JPG



IMG_8946.JPG



IMG_8590.JPG



IMG_8945.JPG



IMG_8577.JPG



IMG_8629.JPG



พระธาตุจอมทอง (องค์เล็ก) วัดจอมทอง

สร้างโดยชาวไทใหญ่ ตระกูล "พ่อเฒ่าหม่องสลอบปุตตา" เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๖


IMG_8636.JPG



พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะพม่า ประดิษฐานภายในซุ้มจระนำทั้งสี่ทิศ พระธาตุจอมทอง (องค์เล็ก) วัดจอมทอง


164.jpg



คาถาบูชาพระบรมธาตุจอมทอง วัดจอมทอง
(ว่านะโม ๓ จบ) อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอวัง ธาตุโย จัตตารี สะสะมา ทันตะ เกสา โลมา นะขา ตะจะ อะหัง วันทามิ ธาตุโย


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

4.1.jpg



ตำนานพระธาตุ ๔ จอม

(จอมมอญ จอมกิตติ จอมทอง จอมแจ้ง)

อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน



ในอดีตสมัยครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพุทธกิจเพื่อหิตานุหิตประโยชน์แก่ประชาชนพลโลกทั้งมวล โดยไม่จำกัดชาติ ชั้น วรรณะ นับว่าเป็นพรรษาที่ ๒๕ หลังจากตรัสรู้แล้ว พระชนมายุได้ ๖๐ พรรษา พระองค์ได้เสด็จจาริกสั่งสอนเวไนยสัตว์ไปตามบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหลาย


จากนั้นพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปสู่เมืองยวม (อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนในปัจจุบัน) พม่าเรียกเมืองยวมว่า "ไมลองยี" แปลว่า เมืองหินแร่ใหญ่ เพราะมีเหมืองแร่หลายชนิด) พระองค์ทรงเหยียบรอยพระบาทไว้ ๑ รอย (ปัจจุบันเรียก "พระพุทธบาทถ้ำพระเจ้า" อยู่ที่บ้านแม่ต๊อบเหนือ หมู่ที่ ๗ ตำบลบ้านกาศ)   

เมื่อมาถึงตอนนี้จะขอกล่าวถึงตำนานพระธาตุ ๔ จอม ที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสู่กันฟังต่อๆ มา มีแม่เฒ่าหม่อนเหมย วงค์น้อย อายุ ๘๐ กว่าปี กล่าวว่า คราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่เมืองยวมนี้ พระองค์ได้ทรงหยุดยืนนิ่ง พร้อมเพ่งมองไปทางทิศเหนือยังดอยลูกหนึ่ง ดอยลูกนั้นจึงได้ชื่อว่า “ดอยจอมมอง”

ต่อมายามเกิดภัยสงคราม ผู้คนจึงนำเงินทองบรรทุกเกวียนมาฝังไว้ในถ้ำมากมายถึง ๓ เกวียน ถ้ากองรวมกันก็เป็นม่อนดอย บางส่วนได้สร้างเจดีย์ครอบไว้ จึงเรียกว่า “ดอยจอมม่อน” กาลต่อมาสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกวาดต้อนพม่า มอญ ไทใหญ่ (เงี้ยว) กะเหรี่ยง (ยาง) บัญชาให้ช่างชาวมอญบูรณะพระเจดีย์ขึ้นใหม่ จึงเรียกชื่อว่า “พระธาตุจอมมอญ” มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

ย้อนกล่าวถึงเมื่อพระพุทธองค์เพ่งมองที่ดอยจอมมอง แล้วเสด็จต่อไปเอาพระหัตถ์ไปแตะที่ดอยลูกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก กิริยาที่มือแตะหรือจับต้อง ภาษาพื้นเมืองโบราณเรียกว่า “ติ” จึงมีชื่อว่า “ดอยจอมกิตติ” มาจนทุกวันนี้


แล้วพระองค์ก็ไปประทับพระหัตถบาทไว้ยังดอยอีกลูกหนึ่งอยู่บนถ้ำ (ปัจจุบันเรียก "รอยพระพุทธหัตถ์ สำนักสงฆ์รอยพระพุทธหัตถ์ อุทยานหินยุคออร์โดวิเชียน (๔๔๓-๔๘๘ ล้านปี)" อยู่ที่บ้านดงสงัด หมู่ที่ ๖ ตำบลแม่สะเรียง)

จากนั้นพระองค์ก็ท่องเที่ยว (ต้องเตียว) ต่อไปยังดอยอีกลูกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก จึงมีชื่อเรียกว่า "ดอยจอมท่อง" (จอมต้อง) ต่อมาเพี้ยนเป็น "ดอยจอมทอง" มาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นพระองค์ก็จาริกเดินทางต่อไป มาสว่างยังดอยอีกลูกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองยวมเดิม จึงเรียกว่า "ดอยจอมแจ้ง" มาจนกระทั่งทุกวันนี้  

ต่อมาในยุคของพระฤาษี ประมาณ พ.ศ.๑๐๐๐ กว่า (เข้าใจว่าจะอยู่ในสมัยเดียวกันกับพระฤาษีวาสุเทพแห่งอุจฉุบรรพต (ดอยสุเทพ) ส่วนที่เมืองยวมยังมีพระฤาษี ๔ ตน เป็นพี่น้องกัน


พระฤาษีผู้พี่ (องค์ที่ ๑) พำนักอยู่ดอยจอมกิตติ เก่งทางหมอยา สามารถชุบชีวิตผู้ที่พึ่งตายใหม่ๆ แล้วให้ฟื้นคืนชีพได้ โดยสอนให้ศิษย์ทำการผสมสูตรยาชุบชีวิตไว้เป็นอย่างดี แล้วก็กระโจนลงสู่หม้อยาที่กำลังร้อนเดือดอยู่ ร่างฤาษีได้ละลายหายไปในหม้อยานั้น ศิษย์ตกใจเป็นอย่างยิ่งจึงผสมสูตรยาผิดๆ ถูกๆ ด้วยลืมขั้นตอนการใส่ยาชุบชีวิต ทำให้พระฤาษีผู้เป็นอาจารย์ต้องมาจบชีวิตลงในหม้อยานั่น ปัจจุบันยังมีผู้พบยาฤาษีผสมเป็นก้อนหิน เมื่อทุบดูข้างในจะมีผงยาสีขาวบ้าง สีเหลืองบ้าง สามารถนำมาแช่น้ำเป็นยาวิเศษรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ตามความเชื่อของคนเจ็บป่วยที่รักษาที่อื่นไม่หาย ก็มาหายกับยาฤาษีผสมนี้ก็มี

พระฤาษีองค์รอง (องค์ที่ ๒) พำนักอยู่ดอยจอมทอง เก่งทางเล่นแร่แปรธาตุ สามารถซัดตะกั่วให้กลายเป็นทองคำก็ได้


พระฤาษีผู้น้องที่สาม (องค์ที่ ๓) พำนักอยู่ดอยจอมแจ้ง เก่งทางวิชาอาคมไสยเวทย์ทุกประการ

พระฤาษีผู้น้องสุดท้อง (องค์ที่ ๔) พำนักอยู่ดอยจอมมอญ เก่งทางเรียกฝนเรียกลม สำเร็จกสิณน้ำกสิณลม บันดาลให้มีน้ำหรือให้บังเกิดเป็นน้ำบ่อทิพย์ขึ้นบนเขาที่แห้งแล้งก็ได้ (มีผู้พบบ่อน้ำทิพย์บนเขาดอยจอมมอญ ๒ ราย ให้ดื่มกินได้ เมื่อพาผู้อื่นไปเอา กลับหายไปหาไม่พบ ปัจจุบันเจาะบ่อบาดาล น้ำใต้ดินได้ไหลพุ่งขึ้นมาเอง ไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ พระฤาษีผู้นี้อาจบันดาลให้มีน้ำอุดมสมบูรณ์ เป็นน้ำบ่อทิพย์ใช้เป็นประโยชน์ได้ทั้งวัดเลยทีเดียว)

พระฤาษีทั้งสี่พี่น้องนี้ยังได้สร้างเจดีย์สำเร็จด้วยหินอยู่บนเขาทั้งสี่จอม ไว้เป็นที่สักการบูชาของสาธุชนอีกด้วย และมีอาจารย์ของพระฤาษีเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้พระฤาษีทั้ง ๔ ตนนี้ ท่านพำนักอยู่ถ้ำเหง้า (หรืออาจเป็นถ้ำพระเจ้า ซึ่งอยู่ในป่าทางทิศเหนือที่พบรอยพระพุทธบาทนั้นก็ได้) เมื่อหมดยุคของพระฤาษีแล้ว ก็รกร้างเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา และหนีภัยสงครามกันด้วย

กาลต่อมาถือเอาบุพนิมิตที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดชาวเมืองยวมพยากรณ์จอมดอยสี่แห่ง จึงได้สร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้น ๔ มุมเมือง โดยที่ชาวอำเภอแม่สะเรียงเป็นอำเภอชายแดนติดเขตพม่า แต่ก่อนเคยเป็นถิ่นฐานอาศัยของชนเผ่าลัวะ (ละว้า) ยาง (กะเหรี่ยง) ต่อมามีชนพื้นเมือง พม่า ไทใหญ่ (เงี้ยว) มอญ (เม็ง) อพยพมาอาศัยอยู่ด้วย เพื่อความสมัครสมานสามัคคีกันในหมู่คณะ ต่างก็ถึงซึ่งพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่ง
จึงปรึกษาหารือกันให้

ชาวมอญ สร้าง “พระธาตุจอมมอญ” ไว้สักการบูชา ประมาณปี พ.ศ.๒๑๔๓ (สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)

ชาวพม่า สร้าง “พระธาตุจอมกิตติ” ไว้สักการบูชา ประมาณปี พ.ศ.๒๔๕๐

ชาวไทใหญ่ (เงี้ยว) สร้าง “พระธาตุจอมทอง” ไว้สักการบูชา ประมาณปี พ.ศ.๒๒๐๑

ชาวพื้นเมือง สร้าง "พระธาตุจอมแจ้ง" ไว้สักการบูชา ประมาณปี พ.ศ.๒๔๕๗

พระธาตุ ๔ มุมเมืองทุกแห่ง ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศพม่ามาบรรจุไว้ในพระเจดีย์อีกด้วย และปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์ คือ มีแสงพระธาตุเสด็จลอยไปมาหาสู่กันระหว่างพระธาตุ ๔ จอมนี้อยู่เสมอ ในคืนวันพระและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบๆ กันมา ผูกเป็นคำกลอนพูดติดปากกันว่า “จอมมอญ มาจอมมะติ มาต้องที่นี่ และมาแจ้งที่นี่” ก็คือ พระธาตุจอมมอญ จอมกิตติ จอมทอง และจอมแจ้ง นั่นเอง ผู้เฒ่ากล่าวว่า พระพุทธองค์ได้พยากรณ์ไว้ว่า “หากพระธาตุ ๔ จอมนี้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเมื่อใด ชาวเมืองยวมและพุทธศาสนาจะมีความเจริญรุ่งเรืองถึงที่สุด จะได้อยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้ากัน”


ปัจจุบันพระธาตุ ๓ แห่ง ได้บูรณปฏิสังขรณ์ มีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ยังคงค้างพระธาตุจอมกิตติที่ยังไม่ค่อยเจริญเท่าใดนัก ถึงกระนั้นอำเภอแม่สะเรียงก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นกว่าเก่ามาก นับว่าเจริญเป็นอันดับ ๒ รองจากอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนเลยทีเดียว

ดังนั้นพระธาตุ ๔ จอม จึงถือเป็น "พระธาตุคู่บ้านคู่เมือง" แม่สะเรียง สมดั่งคำขวัญของอำเภอแม่สะเรียงว่า.....

ผ้าทอกะเหรี่ยง              เสนาะเสียงสาละวิน
งามถิ่นธรรมชาติ            พระธาตุสี่จอม
ดอกไม้หอมเอื้องแซะ        
แวะบูชารอยพระหัตถ์      พระบาทเมืองยวม

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่: ลานนาการพิมพ์, หน้า ๒๒๐-๒๒๑.)



IMG_8954.JPG



ประวัติพระธาตุจอมทอง วัดจอมทอง



ดอยจอมทอง เป็นภูเขาสูงต่อกันเป็นเทือก อยู่ทางทิศตะวันออกของตลาดแม่สะเรียง ระยะทางจากตลาดไปประมาณ ๒ กิโลเมตร ที่บนเขามีถ้ำอยู่ ๑ ถ้ำ ตามประวัติถ้ำแห่งนี้มีสมบัติมากมายเป็นต้นว่า เงิน ถ้วยโถ โอ่ง ชาม ฆ้อง กลอง ของโบราณ โดยมีเทพเจ้าอยู่เฝ้ารักษา เวลานี้มีหินใหญ่มาปิดปากถ้ำนี้ไว้ ปิดไว้เมื่อใด ใครเป็นผู้ปิด ไม่มีใครทราบ เพียงแต่สันนิษฐานว่า เทพเจ้าที่เฝ้าอยู่ปากถ้ำปิดเอง เพราะมีคนไปยืมของแล้วไม่คืน

ในสมัยนั้นมีพ่อค้าไม้ ซึ่งเป็นคนไทใหญ่จำนวน ๒ คน มีชื่อว่าอย่างไรไม่ปรากฏ เพียงแต่ว่า ๑ ในนั้นเป็นสามีของแม่เฒ่าหม่อนเงิน (แม่เฒ่าหม่อนเงิน มีอายุถึง ๑๓๕ ปี) ได้พบทรัพย์ในถ้ำ จึงได้ขอยืมเงินจากเทพเจ้านำไปลงทุนทำไม้สักเอาไปขายที่ประเทศพม่า โดยให้คำมั่นสัญญากับเทพเจ้าไว้ว่า ไม้สักที่นำออกไปถึงประเทศพม่าได้กำไรดีก็จะสร้างเจดีย์ไว้บนหลังถ้ำ


โดยโชคบุญบารมีของคนไทใหญ่ทั้งสองคนนี้ การทำไม้สักไปขายได้กำไรมาตามที่คาดเอาไว้ เดินทางกลับถึงบ้านเมืองก็ไม่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ต่อเทพเจ้า ในปี พ.ศ.๒๒๐๑ จึงก่อสร้างเจดีย์ขึ้น ๑ องค์ พร้อมทั้งอัญเชิญพระบรมธาตุจากประเทศพม่า ขึ้นมาบรรจุเอาไว้อีกด้วย และได้พัฒนาเป็นวัด ในปี พ.ศ.๒๒๕๖ ตั้งชื่อว่า “วัดจอมทอง” ตราบถึงทุกวันนี้

ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๖ ก็มีคนไทใหญ่ชื่อ “ตะก่าสลอบปุตตา กับภรรยาชื่อ นางสุก” พร้อมด้วยลูกทุกคน ได้สร้างเจดีย์ขึ้นอีก ๑ องค์ คู่กับองค์ใหญ่ แต่องค์เล็กกว่าเล็กน้อย มีระฆังทองเหลืองใบใหญ่ ๑ ใบ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๐๐ เมตร รอบวงมี ๑.๕๐ เมตร จารึกไว้ตัวหนังสือไทใหญ่รอบตัวระฆัง

ถัดลงมาเป็นตัวหนังสือเมืองเหนือ มีข้อความบางตอนบอกไว้ว่า "ศรัทธาตะก่าสลอบปุตตา ภรรยาชื่อ นางสุก พร้อมด้วยลูก สร้างถวาย เมื่อปีจุลศักราช ๑๒๕๕ ตั๋วปีก๊าไส้ เดือนยี่ดับ ๔ ค่ำ" สร้างวิหาร ๑ หลัง โฮง ๑ หลัง (วิหาร คือ อุโบสถ และโฮง คือ กุฏิ)

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ ครูบาศรีทม มอบหมายให้ พระอินสม สุวีโร ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและพัฒนามาจนถึงปัจจุบันนี้

ปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๕๖) มีครูบาอินสม สุวีโร (พระครูสุวีรธรรมานุยุต) เป็นเจ้าอาวาสวัดจอมทอง และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสบเมย

----------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายประวัติพระธาตุจอมทอง วัดจอมทอง)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8685.JPG



IMG_8955.JPG



ต้นโพธิ์ อยู่ด้านหน้าวิหาร วัดจอมทอง



IMG_8689.JPG



พระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐานใต้ต้นโพธิ์ ด้านหน้าวิหาร วัดจอมทอง



IMG_8938.JPG



หอเสื้อวัด วัดจอมทอง



IMG_8973.JPG



เดี๋ยวเราไปกราบนมัสการพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดดอยจอมทอง วัดจอมทอง กันต่อเลยนะคะ


IMG_8741.JPG



IMG_8756.JPG



IMG_8789.JPG



บันไดนาคทางขึ้นนมัสการพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8825.JPG



บันไดทางขึ้นนมัสการพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง



IMG_8826.JPG



IMG_8799.JPG



รูปปั้นกุมภัณฑ์ ๒ ตน ประดับบันไดทางขึ้นนมัสการพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง



IMG_8869.JPG



IMG_8889.JPG



IMG_8861.JPG



IMG_8885.JPG



พระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง



IMG_8908.JPG



IMG_8870.JPG



คาถาบูชาพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต)
(ว่านะโม ๓ จบ) โอม ศรี ศรี พรหมรังสี นามะเตโช มหาสัมมะโณ มหาปัญโญ มหาลาโภ มหายะโส สัพพะสิทธิ ภะวันตุ เต นะโม โพธิสัตโต พรหมรังสี


9.jpg



ประวัติการสร้างพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง


พระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย สูง ๑๕ เมตร หน้าตักกว้าง ๑๐ เมตร เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน

มูลเหตุที่สร้าง เนื่องจากท่านเจ้าอาวาสวัดจอมทองก่อนที่จะสร้างองค์พระพุทธรูปนี้ มีผู้เห็นแสงสว่างขึ้นตรงจุดนี้ ท่านจึงได้สร้างองค์พระใหญ่เอาไว้ เพื่อจะได้ไม่มีใครไปเดินข้ามให้เป็นโทษ สันนิษฐานว่าอาจจะมีพระบรมสารีริกธาตุฝังอยู่บนยอดเขานานแล้ว


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8846.JPG



IMG_8822.JPG



IMG_8824.JPG



IMG_8814.JPG



พระพุทธรูปปางมารวิชัย ๒ องค์ ประดิษฐานด้านหน้าพระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง


IMG_8777.JPG



IMG_8771.JPG



IMG_8779.JPG



IMG_8911.JPG



จุดชมวิวทิวทัศน์บนยอดดอยจอมทอง ณ ลาน
พระพุทธรัตนมิ่งมงคล (หลวงพ่อโต) วัดจอมทอง

สามารถชมวิวทิวทัศน์ของอำเภอเมืองแม่สะเรียงและสามารถมองเห็นพระธาตุจอมกิตติได้ด้วย


IMG_8811.JPG



ศาลาพระประจำวัน วัดจอมทอง



IMG_8717.JPG



IMG_8714.JPG



อุโบสถ วัดจอมทอง


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8728.JPG



IMG_8750.JPG



IMG_8732.JPG



ขอเชิญนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
และครูบาผาผ่า วัดจอมทอง


IMG_8747.JPG



รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดจอมทอง


IMG_8748.JPG



รูปเหมือนพระครูปัญญาวรวัตร (ครูบาผาผ่า) นักบุญแห่งเมืองยวม วัดจอมทอง


จัดสร้างโดย พระครูสุวีรธรรมานุยุต เจ้าอาวาสวัดจอมทองและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอสบเมย และแม่ชีกุณฑี สมบูรณ์ สร้างถวายวัดจอมทอง เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๘


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_8695.JPG



IMG_8720.JPG



IMG_8809.JPG



กุฏิสงฆ์ วัดจอมทอง


IMG_8706.JPG



IMG_8708.JPG



IMG_8709.JPG



ศาลาเก็บเครื่องใช้ในครัว เครื่องมือการเกษตร และเครื่องดนตรีสมัยโบราณ วัดจอมทอง

๑. เครื่องใช้ในครัว เช่น หม้อดินเผา ตะกร้า

๒. เครื่องมือการเกษตร เช่น คันไถ

๓. เครื่องดนตรี เช่น กลอง ฆ้อง



IMG_8703.JPG



IMG_8701.JPG



หอระฆัง วัดจอมทอง


สร้างเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๒


IMG_8762.JPG



IMG_8726.JPG



IMG_8723.JPG



IMG_8561.JPG



IMG_8589.JPG



IMG_8847.JPG



IMG_8735.JPG



การเดินทางมาวัดจอมทอง ขอจบการเดินทางด้วยภาพบรรยากาศภายในวัด สวัสดีค่ะ

-------------------


ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
        • วัดจอมทอง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
        • นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่: ลานนาการพิมพ์.


**หมายเหตุ :


ท่านใดประสงค์จะนำรูปภาพหรือเนื้อหาบทความไปใช้ประโยชน์ที่อื่น สามารถนำไปใช้ได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตจากข้าพเจ้าก่อน


และได้โปรดกรุณาให้เครดิตอ้างอิงแหล่งข้อมูลที่มา : เว็บแดนนิพพาน และกรุณาอย่าลบหรือครอบตัดเครดิตแหล่งที่มาบนรูปภาพ “Photo by Dannipparn.com”


(ป.ล. หากว่ากระทู้บทความนี้ มีข้อผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยในความผิดพลาดต่างๆ ในฐานะปุถุชนที่ย่อมทำผิดและถูกสลับกันไปไว้ ณ ที่นี้ด้วย และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไป)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-4-26 06:36 , Processed in 0.071385 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.