แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: UMP
go

ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคล 28 ธค. 56-1 มค. 57 มูลนิธินิธิกร สมุทรปราการ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

"แม่สอบอารมณ์ยังไงค่ะ"

"แม่จะถามว่าเป็นยังไง กำหนดบริกรรมอะไร กำหนดแล้วรู้ยังไง รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออกไหม ถ้าเขาบอกว่าหายใจเข้าพุท หายในออกโธ แล้วมันยาวหรือว่ามันหยุดอยู่อึดใจกว่ามันจะออก"

"แล้วหูได้ยินเสียง กำหนดได้ยินไหม รู้ไหม เวลามีร้อนอ่อนแข็งเข้ามาถูกกาย ร้อนเย็นรู้ไหม บางคนบอกรู้ บางคนบอกหนูไม่รู้ไม่สังเกต แม่ก็บอกให้ไปสังเกตนะ "

"ถ้าเขาบอกว่าหูได้ยินเสียง  แม่ก็ถามว่าแล้วหูไปหาเสียงหรือเสียงมาหาหู เขาตอบ เอ้...หูไปหาเสีบง แม่ก็ตอบว่าลังเลไม่ได้ไปดูใหม่"

"สมมุติเขาเอาพุทโธ เวลาเขาเดินขวาพุทโธอะไรเป็นผู้พาก้าวล่ะ แม่ก็จะสอนให้เขามีสติปัญญาไหวพริบบางคนบอกจิตมันพาก้าว แล้วถ้ากายไม่ก้าวมันจะไปไหม จิตมันสั่งถ้ากายไม่กระดุกกระดิก ไม่เคลื่อนไหว แค่จิตมันสั่งได้ไหม อันนี้กายเป็นผู้เคลื่อนไหวใช่ไหม จิตเป็นผู้รับรู้ว่ากายนี้เป็นผู้เคลื่อนไหวใช่ไหม ในร่างกายมีแต่กายกับจิตใช่ไหม อะไรก็ได้ เราก็จะมีวิธีบอกเขา แต่จะถามก่อน"

"ลมหายใจเข้ารู้ไหม หายใจเบา หายใจอ่อน เหมือนไม่มีลมหายใจ มันเงียบไป มีสติรู้ไหม บางคนบอกไม่รู้เลย อย่างนั้นสติไม่มีนะ"

Rank: 1

" โมหะสมาธิ "
มีผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เวลานั่งเขาไม่รับรู้อารมณ์อะไรเลย แม่ก็เลยถามว่า เวลาออกจากอารมณ์นั่งล่ะ ออกจากสมาธิยังโกรธอยู่ไหม เขาตอบว่าถ้ามีคนมาด่า มาว่า มาตำหนิก็โกรธอยู่ แล้วโกรธมันดับไหม  หายโกรธง่ายไหม ไม่ค่ะบางทีก็เป็นวัน อย่างนั้นก็ไม่ถูกเลย แต่วิปัสสนามีสติรู้เท่าทัน แล้วมีปัญญาเข้ามาเท่าทันมันตัดไปเลย ไม่ถึงวินาทีก็ไปแล้ว อันนี้ยังใช้ไม่ได้ ถ้าตายไปขณะโกรธจะไปไหนล่ะ

เขารู้เรื่องภายนอกมาก เขาเล่าว่าวิญญาณมีหลายระดับ แบบนั้น แบบนี้.....แม่ปล่อยให้เขาพูดพอเบาลง แม่ก็เลยม้วนบอกเขาว่าไอ้สิ่งที่คุณรู้ ถึงรู้เห็นอะไร มันเป็นโลกีย์ ไม่ใช่โลกุตระ ถ้าโลกุตระ ละอย่างเดียว ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ไม่ไปสนใจ รู้แล้วก็วาง ไม่ใช่ไม่มีจริง สิ่งที่พูดมาก็เป็นจริง แต่สมาธิแบบนี้เป็นสมาธิหัวหลักหัวตอ ที่ไม่รู้อะไร ตายไปเป็นอรูปพรหม ไม่มีแข้ง ไม่มีขา เหมือนน้ำเต้าเหมือนก้อนหิน รู้แต่ลมแผ่วเบา อยู่เป็นล้านๆๆๆ ปี เอาไหม

แม่มีวิธีพูดไปติดอยู่ขอบมุมไหน แม่แก้ให้เขารู้ว่ามีอารมณ์มากระทบก็รู้อย่างนั้น สัมมาสมาธิต้องรู้ อยู่ในฌานก็ต้องรู้ เขาไปข้องอยู่ตรงไหน แม่มีวิธีแก้ได้ เพราะเคยผ่านมาหมดแล้ว เลยรู้ภาวะทุกอย่าง สามารถแก้จนเขาหายข้องใจได้

" สั้นๆ สติปัฏฐาน 4 ก็ให้มีสติรู้เท่าทัน จิตที่มันคิด มันปรุง มันแต่ง ย่อลงมาก็ให้รู้กายกับใจ ใจมันโกรธ มันเกลียด มันรัก มันชัง ก็ให้รู้เท่าทัน แล้วก็วางมันหรือดับมัน "

Rank: 1

" คาถาพระพุทธเจ้า "

คุณแม่ท่านขจัดความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาต ความพยาบาท ท่านให้คาถา คาถาคือให้รู้แล้ววาง คาถาพระพุทธเจ้า รู้แล้ววาง รู้มันเกลียดแล้วก็วาง ถ้าใครวางได้ก็มีความสุข ใครวางไม่ได้ก็ทุกข์ร่ำไป อย่าให้ไปยึดกาย มันป่วยก็สักแต่ว่ามันป่วย

Rank: 1

*****ประกาศรับอาสาสมัครผู้ใจบุญร่วมเป็นธรรมะบริกร ให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ช่วงวันที่ 28 ธค. 56-1 มค. 57*******

การจัดปฏิบัติธรรมที่ผ่านมามีผู้ร่วมปฏิบัติเพียงแค่ 17 คน แต่ยาวนานหลายวัน ผู้ที่ทำอาหารเลี้ยงผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมดมีเพียงแม่ชีนัน ท่านเดียว ท่านเดินทางมาจากร้อยเอ็ด แม่ชีทั้ง 2 ท่านต้องเตรียมทุกอย่างเองแม้เรื่องอาหารให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านเหนื่อยมากและท่านไม่ได้มีโอกาสร่วมปฏิบัติธรรมกับท่านอื่นเลย จึงขอรบกวนท่านผู้ใจบุญที่เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อผู้ที่ปฏิบัติที่หวังความพ้นทุกข์ ติดต่อลงชื่อได้ที่แม่ชีเกณฑ์ ตามเบอร์ที่แจ้งไว้ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ

Rank: 1

                    "นั่งสมาธิแล้วสั่นแบบเจ้าเข้า" 

                     ไปอ่านเจอข้อความทางอินเตอร์เนตจึงนำมาอ่านให้แม่ชีเกณฑ์ท่านฟัง           คือผมมีปัญหานั่งสมาธิแล้วเกิดอาการสั่นนะครับ ก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้จริงจังกับการนั่งสมาธิมากนัก ...แต่ผมพึ่งมาฝึกนั่งจริง ๆ จัง ๆ ระยะหลังมานี้เอง เบ็ดเสร็จก็ผ่านมา 1 ปี เห็นจะได้ แต่ปัญหาคือ นั่งแล้วเกิดอาการสั่นแบบเจ้าเข้านะซิครับอาการมีดังนี้ครับ... แขนสองขาจะสั่นแรงมาก ๆ ... แต่หน้าไม่สั่น... บางครั้งมือทั้งสองข้างก็สบัดขึ้นมาตบเข่าซะงั้น... บางครั้งขามันก็ร่วมสั่นกับเขาด้วย เรียกว่ามันสั่น จนตีกับพื้นเสียงดังเชียว... นึกถึงภาพเวลาคนทรงเจ้าเข้าผี อาการสั่นป็นอย่างนั้นเลยครับ... 
               แม้กระทั่งตอนนั่งสมาธิแล้วกำลังสั่น ๆ ผมลองลืมตาขึ้นมาดูตัวเอง ก็ยังเห็นแขนตัวเองสั่นอยู่เลย ...งงเลย... บางครั้งสวดมนต์ไป โดยไม่ได้หลับตาแต่ประการใด ... พอเกิดสมาธิขึ้นมา ร่างกายผมก็สั่นแล้วครับ... หรือบางครั้งอยู่ในท่ายืน หรือแม้แต่ท่านั่ง แค่ลองรวมสมาธิเล่น ๆ ... มันก็สั่นได้ง่าย ๆ แล้วครับ... แถมเวลาสั่นนี้ห้ามเอาสติไปข่มให้มันหยุด ... มิฉะนั้นจะสั่นแรงกว่าเดิม...
 อาการปิติเหล่านี้มีใครเป็นบ้างครับนี้คืออาการเมื่อก่อนผมเลยต้องใช้วิธี สั่นก็ช่างมัน ไม่สนใจ ปล่อยมันไป... ทุกวันนี้ก็ดีขึ้นครับ... แต่มันก็ยังสั่นอยู่ดี ....ยังไม่หายซักที ... แต่ความแรงของการสั่น มันเบากว่าเมื่อก่อนเยอะ... คือมันจะสั่นได้ซักพัก ... เดี่ยวก็หยุดไป ... แต่อยู่ดี ๆ ก็จะสั่นขึ้นมาอีก ... ไม่รู้มันจะสั่นเมื่อไร เวลาใด ไม่สามารถบอกได้... เท่าที่สังเกตอาการสั่นของตัวเอง จะเริ่มมาช่วงท้าย ๆ ของการนั่งสมาธิ... เพราะช่วงท้าย ๆ ของการนั่งสมาธิ ผมจะเริ่มคุมสติไม่อยู่ ...ไม่รู้เกี่ยวกันหรือป่าว...
อาการปิติจากการนั่งสมาธิ ไม่ว่า จะเหน็บชา ปวดแข็ง ปวดขา นั่งแล้วหลับ ตกภวังค์ น้ำลายไหล เห็นนิมิต เห็นแสงสี รู้สึกเหมือนแขนขาหายไป ขนลุกซู่ คันตามเนื้อตามตัว ผมก็ผ่านมาหมด... เหลือเจ้าอาการสั่นนี้แหละ ทำยังไง มันไม่หายซักที

รบกวนผู้ทรงความรู้ในห้องนี้ช่วงชี้แนะหน่อยครับอาการปีติแบบนี้ มันเกิดจากอะไร และช่วยชี้ทางแก้ที่ถูกวิธีหน่อยครับ สำหรับวิธีการฝึกขอเล่าอย่างละเอียด จะได้เป็นข้อมูลประกอบ... ผมจะสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง ... บทสวดประจำก็คือ อิติปิโส กับ ชินบัญชร (หันหน้าไปทิศตะวันตก)... จะนั่งขัดสมาธิธรรมดาบนพื้นกระเบื้องนี้แหละ... ใช้มือซ้ายและขวา วางผาดไปบนขา ... ไม่ได้ใช้วิธีวางมือขวาทับมือซ้าย แต่ประการใด...
             เมื่อก่อนพยายามฝึกแบบเพ่งกสิณแต่ไม่ถูกจริต... เลยใช้วิธีดูลมหายใจเข้าออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้มีคำ ภาวนา แต่อย่างใด... จากเริ่มแรกนั่งได้เต็มที่ 20 นาที ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น จนทุกวันนี้นั่งได้ 2 ชั่วโมง... ไม่ว่าจะกลางดึก หลังเที่ยงคืน ตอนเช้าตรู่ ตอนเที่ยง ตอนบ่าย นั่งได้ทุกเวลา แล้วแต่ความสะดวก... ผมฝึกนั่งเองไม่มีใครสอนตั้งแต่ไหนแต่ไรครับ... พอออกจากสมาธิ ก็จะรีบอธิษฐาน อุทิศส่วนบุญกุศลทุกครั้งขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบครับ 

สารภาพนะครับ ผมอ่านทุกความเห็น ...ที่มาตอบทุกกระทู้เพื่อหาสาเหตุและแก้ไขอาการนั่งสมาธิแล้วเกิดสั่นบอกตามตรงผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรอุปมาเหมือนคนโน่นคนนี้ บอกว่าทานยาโน่นดี ทานยาตัวนี้ซิดี ... แต่มันก็แก้ไม่ตรงจุดแต่พอคุณพี่อธิบาย เหมือนชี้ทางสว่างมาก ๆ ครับขอบพระคุณมากครับ

               แม่ชีเกณฑ์ท่านบอกว่า........เป็นนิวรณ์ผสมด้วยวิบากของคุณ ทำให้มีอาการเช่นนั้น สติคุณอ่อน คุณต้องเจริญสติจนเป็นมหาสติจนข้ามพ้นมันได้ ให้เดิน 5 นาที นั่ง 5 นาที จนสติมีกำลังอย่าเพิ่งเพิ่มเวลา ถ้าหากว่า 5 นาทียังเป็นอีกให้ลดเวลาลงจนเหลือ 2 นาที ให้สติถี่ยิบและต่อเนื่องให้นานที่สุด พอกำลังจะเกิดอาการเช่นนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถทันที อย่าไปฝืนจมแช่อยู่เช่นนั้น คุณนั่งสมาธินานไปจมแช่อยู่ในสมาธิจนสติอ่อน 
               ถ้าเรามีสติมากพอมันจะรู้ความเจ็บความปวดที่เกิดจากการนั่งนาน ต้องฝึกจนมีสติให้รู้ทันก่อนที่อาการจะเกิด ถึงมันจะเกิดขึ้นมาอย่าไปยินดียินร้ายกับมัน สติเท่านั้นที่จะแก้มันได้ คุณปล่อยให้เป็นนานเกินไป หากมีผู้แก้อารมณ์ให้ตั้งแต่เริ่มต้นจะไม่เป็นนานขนาดนี้ บางคนเป็นมากกว่านี้เช่นเอาหัวโขกพื้นหรือเอามือตบหน้าผาก ก็เพราะสติอ่อนและด้วยวิบาก แต่ไม่ต้องไปสนใจว่าวิบากอะไร อาการเหล่านี้มันไม่เที่ยงมันก็หายได้ 
                  สติเท่านั้นที่จะช่วยได้ ที่นั่งจะนั่งอย่างไรก็ได้จะลืมตานั่งก็ได้ถ้าอยากให้มีสติมากขึ้นส่วนเรื่องสวดมนต์หยุดไว้ก่อนแค่สั้นๆก็พอบางคนติดปิติ นิมิต สุข ฌาน มาเป็น 10 ปี ท่านก็บอกให้แก้ด้วยวิธีนี้ ให้หยุดสวดมนต์ยาวๆและนั่งสมาธินานๆก่อนเพราะจะทำให้จมในสมาธิอาการก็ไม่หาย ให้สวดมนต์สั้นๆบูชาพระรัตนตรัยและแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรแค่นั้นพอ
                   ให้รู้ตัวในอิริยาบถย่อยต่างๆ ลมมากระทบกายก็รู้สึก หูได้ยินเสียงก็รู้ ท่านฝากคำถามให้คุณหาคำตอบว่า
1.ลมหายใจเข้ากับลมหายใจออกเป็นขณะเดียวกันหรือคนละขณะ
2. พอมันเข้าแล้วก่อนจะออกมามันหยุดก่อนหรือออกมาทีเดียวเลย 
3.เสียงมาหาหูหรือหูไปหาเสียง กลิ่นมาหาจมูกหรือจมูกไปหากลิ่น ภาพมาหาตาหรือตามาหาภาพ 
ทุกคำถามที่ให้หาคำตอบเป็นวิธีการฝึกสติให้อยู่กับปัจจุบันและอยู่กับตัว บางคนใช้เวลานานถึง 3 เดือน บางคนแค่ 15 วันหรือ 1 เดือนก็หาย ให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมเวลานั่งนั่งให้ตัวตรงหลังตรง คุณขาดสติหนักสมาธิและจมแช่อยู่นานเลยมีอาการเช่นนั้น

Rank: 1

   "ใบมะขาม"                                 

                  แม่ชีเกณฑ์ท่านถามว่าใบมะขามขังน้ำได้ไหม ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เห็นใบมะขามจึงนึกอยู่นานและตอบท่านไปว่าใบมะขามไม่มีขอบจะขังน้ำได้อย่างไร ท่านก็บอกว่าเหมือนจิตที่เป็นอุเบกขาอยู่เป็นกลางมันจะขังอารมณ์ได้อย่างไร เมื่อมีอะไรมากระทบทางอายตนะทั้ง 6 มันรู้แล้วก็วางไม่เข้าไปสัมผัสถึงใจเหมือนกับน้ำที่อยู่บนใบบัวขังน้ำไม่ได้ ดุจดังใบมะขามก็ไม่สามารถขังน้ำได้มีแต่จะไหลผ่านไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในเนื้อใบมะขามเลย                                     

  ถามท่านว่าอุเบกขาทางโลกกับอุเบกขาทางธรรมต่างกันอย่างไรท่านยกตัวอย่างให้ฟังเช่นลูกดื้อไม่ยอมฟังเตือนก็แล้วจะทิ้งไปเลยก็ไม่ได้จะเปลี่ยนเขาก็ทำไม่ได้ก็ต้องอุเบกขาคือวางแบบยังมีความยินดียินร้ายอยู่ ต้องบังคับให้ตัวเองวางทั้งที่ใจยังไม่วาง วางแบบยังมีอารมณ์ปนอยู่ วางแบบนี้ยังไม่ใช่อุเบกขาที่แท้จริง วางเพราะความจำยอมแต่ใจเขายังไม่ยอม เพราะอย่างนั้นเมื่อใดที่สติอ่อนความไม่อุเบกขาจึงยังแสดงตัวอยู่                                      

อุเบกขาที่แท้จริงนั้นคือการวางที่ไม่ต้องบังคับใจไม่มีแม้อารมณ์ใดเจือปนรู้แล้วก็วางลงทันทีในขณะนั้น แต่ทุกอย่างก็ไม่เที่ยงวันใดที่ทิ้งการดูแลใจของตัวเองอารมณ์ก็เกิดขึ้นมาอีก แม่ชีเกณฑ์ท่านจึงบอกเสมออย่าได้ประมาทเราเผลอเมื่อใดมันก็ขึ้นมาเมื่อนั้น ประมาทไม่ได้ไปจนวินาทีสุดท้ายที่สิ้นลม ท่านถามว่าแล้วอย่างนี้เราจะทิ้งการปฏิบัติได้หรือ การปฏิบัติไม่ใช่แค่นั่งหรือเดินวันละชม.แต่หมายถึงทุกลมหายใจเข้าออก ในแต่ละวันหากเราไม่ได้ปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบ อย่างน้อยๆเราต้องรู้ทุกขณะว่าใจเราเป็นเช่นไร

Rank: 1

"ความฉลาดอยู่ที่ไหน"                

                บอกกับแม่ชีเกณฑ์ท่านว่าตอนนี้ใจรู้สึกพอแล้ว ท่านถามว่าพอกับอะไรพอกับการปฏิบัติหรือ เรารีบตอบในทันทีว่าไม่ใช่การปฏิบัติ แต่เราพอเราไม่ต้องการฉลาดไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่คิดอยากจะไปหาหนังสืออ่านเพื่อทำให้ตนเองฉลาดขึ้น ท่านถามขึ้นว่าแล้วคิดว่าความฉลาดอยู่ตรงไหน เราตอบไปภาษาซื่อว่าก็อยู่ในตัวของเรา ท่านบอกว่ายังไม่ใช่ให้ตอบให้ตรงคำถาม เราคิดคำตอบใหม่เราคิดว่าความฉลาดอยู่ที่หนังสือเพราะคิดว่าถ้าไปอ่านหนังสือแล้วจะฉลาดขึ้น ท่านก็ยังคงตอบว่าไม่ใช่ เราจึงตอบไปใหม่ว่าความฉลาดอยู่ที่จิตอยู่ในตัวของเราอยู่ที่ความมีไหวพริบ ท่านก็ยังคงตอบว่าไม่ใช่ แล้วถามกลับว่าแล้วความฉลาดอยู่ตรงไหนในตัวของเรา ครั้งนี้เราไม่ตอบแต่ถามกลับท่านว่าแล้วท่านคิดว่าความฉลาดอยู่ตรงไหน ท่านบอกหากให้ท่านตอบท่านจะตอบว่าความฉลาดอยู่ที่รู้เท่าทันปัจจุบัน ได้ยินเพียงแค่นี้เราลงให้กับคำตอบของท่านอย่างหมดใจ    

                       ใช่มองย้อนกลับไปความฉลาดหาใช่อยู่กับการอ่านมาก เราเคยอ่านมามากแต่หาช่วยตัวเองได้เมื่อมีความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส แต่สิ่งที่ท่านสอนคือให้รู้เท่าทันปัจจุบันอยู่ทุกขณะต่อเนื่องให้นานที่สุด รู้ให้ทันปัจจุบันว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่กายและที่ใจ ทั้งดีและไม่ดี รู้แล้ววาง รู้แล้วละ รู้แล้วอย่าไปปรุงต่อ รู้แล้วอย่าไปคิดต่อ รู้แล้วดับลงทุกขณะจิต สิ่งนี้ต่างหากที่พาเราพ้นจากกองทุกข์นั้นมาได้ คำตอบของท่านทำให้การใช้ชีวิตในวันนี้มีความตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง ใจเราอยู่กับทุกการเคลื่อนไหวของกายและใจ เรารู้สึกสนุกกับทุกย่างก้าวในบ้านแม้จะเป็นบ้านแคบๆ ไม่ได้เดินจงกรมแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่บนทางจงกรม 

Rank: 1

"ขอเชิญท่านผู้ใจบุญ มาร่วมเป็นธรรมะบริกร สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมที่หวังความพ้นทุกข์ ช่วงวันที่ 28 ธค. 56 - 31 ธค. 57  มูลนิธินิธิกร บางปู สมุทรปราการ เยื้องวัดอโศการาม"

เนื่องจากการจัดการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ เป็นช่วงวันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ ทุกคนจึงอยากไปฉลองกับครอบครัว  การปฏิบัติธรรมครั้งนี้จะเป็นไปแบบเข้มข้น แม่ชีเกณฑ์ไม่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติทั้งหมดมายุ่งกับงานอื่น ท่านต้องการปฏิบัติอย่างเดียว ซึ่งจะเป็นผลดีกับผู้ปฏิบัติธรรมมาก

แม่ชีนันคือผู้ทำอาหารเลี้ยงผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมด ท่านเดินทางจากร้อยเอ็ดมาพร้อมกับแม่ชีเกณฑ์ ครั้งนี้ผู้ที่เคยช่วยงานของท่านมาไม่ได้  ลำพังท่านคนเดียวอาจจะทำอาหารไม่ทันและท่านจะเหนื่อยมาก จึงขอรบกวนท่านผู้ใจบุญที่ไม่ได้ไปไหนช่วงวันหยุด มาร่วมเป็นธรรมะบริกร เพื่อให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่หวังความพ้นทุกข์จริงๆได้ปฏิบัติกันอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นบุญเป็นกุศลใหญ่ให้กับตัวท่านเองและครอบครัวของท่าน
สามารถแจ้งความจำนงค์ได้ที่แม่ชีเกณฑ์ค่ะ 0868540049 หรือคุณมยุรี 0864551814 ขออนุโมทนาในผลบุญนี้ของท่านด้วยเทอญ.

คัดลอกมาจาก
https://www.facebook.com/profile ... 950&ref=tn_tnmn
สถานที่จัดการปฏิบัติธรรมคือมูลนิธินิธิกร บางปู สมุทรปราการ เยื้องวัดอโศการาม วันที่ 28 ธค.56-1 มค.57

‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-4 07:47 , Processed in 0.038699 second(s), 13 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.