แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: UMP
go

"ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม ณ บ้านลานเสียงธรรม ซ.นาคนิวาส 40 ลาดพร้าว 71 กรุงเทพฯ  26 - 28 ก.พ. 59" [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

"เมื่อเบื่อหน่ายกายนี้ พลิกให้เกิดปัญญา อย่าให้ถลำลึกลงไปจนเกิดความทุกข์"

ยิ่งปฏิบัติธรรมไป ยิ่งเห็นความจริงในร่างกายนี้ ยิ่งเห็นภาระหนักที่ต้องแบกไว้ ยิ่งเกิดความเบื่อหน่าย จนไม่อยากจะมีร่างกายนี้แล้ว มันเป็นภาระอย่างแสนสาหัส เราทำทุกอย่างเพื่อร่างกายที่มันไม่จีรังยั่งยืน ร่างกายที่นำมาแต่ความทุกข์ อยู่กับมันซ้ำแล้วซ้ำอีก นับชาติไม่ถ้วน

เมื่อเกิดความเบื่อหน่ายในร่างกายนี้เกาะกินใจ คุณแม่ท่านว่าเราต้องพลิกความเบื่อหน่ายให้เกิดปัญญา อย่าให้มันปรุงแต่งจนทุกข์หนักเข้าไปอีก มองให้เห็นโทษของมัน มองให้เห็นความไร้สาระของมัน แล้วอย่าไปยึดมัน เบื่อมันให้จริงๆ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่วครั้งชั่วคราว

กายเรามันไร้สาระเช่นนี้ เราก็ต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดสิ พามันปฏิบัติ เอาความเพียรชนะกิเลส จนไม่ต้องเกิดมามีกายนี้อีก พามันทำความดี ทำกุศลให้ถึงพร้อม ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ศาสนา พามันทำสิ่งที่ควรทำที่สุด พามันปฏิบัติจนออกจากวังวนแห่งทุกข์นี้ให้ได้

เราไปจากโลกนี้ ร่างกายที่มันเน่าๆ ก็ถูกทิ้งไว้ ตามไปได้คือบุญบาปที่เราสร้างมา ถ้าเบื่อมันจริงๆ จนไม่อยากมาเจอมันอีก ทำให้ถึงที่สุดสิ ย้อนกลับมามองตัวเอง สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ จะกิน จะพูด จะคิด จะซื้อ เราเบื่อมัน แล้วเราทำไปแต่ละอย่างเพื่อกลับมามีมันอีกมั้ย แม้แต่คิดจะโกรธ จะเกลียด จะรัก จะชอบ จะอาฆาตใคร เราทำไปเพื่อกลับมาอีกมั้ย ถ้าไม่อยากกลับมาอีก ก็ละมันเสียเถิด


Rank: 1

"การเดินจงกรม 6 จังหวะ สำหรับผู้ที่ทุกข์ใจและฟุ้งมาก"

1. ยกส้น...(หยุด)...หนอ...(หยุด)
2. ยก...(หยุด)....หนอ...(หยุด)
3. ย่าง...(หยุด)...หนอ...(หยุด)
4.ลง...(หยุด)...หนอ...(หยุด)
5. ถูก...(หยุด)....หนอ...(หยุด)
6. เหยียบ...(หยุด)....หนอ...(หยุด)

นอกจากจะรับรู้ที่เท้า ปาก ใจ หูก็ยังคงได้ยินเสียง บางทีมันก็รู้ลมหายใจ ตาก็เห็นสัตว์ที่เดินบนพื้นดิน รู้อากาศร้อนเย็น จิตแว่บออกไปคิดก็รู้

ออกเสียงดังทุกจังหวะและคำว่าหนอ ให้การรับรู้ของเท้า ปากและใจตรงกัน หากความคิดเข้าแทรกหยุดค้างไว้ทันที ความคิดดับจึงไปต่อ หากมันไม่ยอมดับก็ค้างไว้เลย เมื่อขาเริ่มเกร็งมันจะทิ้งความคิดมารับรู้อาการที่ขา การเดินจงกรมเช่นนี้ เป็นวิธีที่ขัดใจมากสำหรับผู้ที่ใจร้อน อารมณ์รุนแรง มันจะดิ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

ขณะที่หยุดค้างไว้ ให้เราดูใจที่มันดิ้น มันหยุดดิ้นเมื่อไหร่จึงจะไปต่อ อดทนฝืนจิตไม่ทำตามที่มันสั่งให้ได้ 1-2 อาทิตย์มันก็จะหยุดดิ้น ยกเว้นคนที่ไม่สม่ำเสมอและไม่เอาจริง เมื่อมันหยุดดิ้นความสงบเย็นจะเกิดขึ้น 4 วันแรกจะปวดเมื่อยไปทั้งตัว เริ่มแรกตัวจะเอียงซ้ายเอียงขวาให้ทำความรู้สึกไปตามอาการเอียง ถ้ามันคิดติดกันเป็นลูกโซ่ ให้กำหนด คิดหนอๆเอาจนมันหยุด 

วิธีนี้เป็นวิธีหักดิบ ผู้ที่ความอดทนน้อยมักจะถอยไปเสียก่อน สิ่งที่จำเป็นมากคือความต่อเนื่อง อย่างน้อยวันละ 1 ชม. เป็นเวลา 2 อาทิตย์จึงจะเริ่มเห็นผลชัดเจน หลังการปฏิบัติทุกครั้ง คุณแม่ท่านให้แผ่เมตตาเจาะจงให้เจ้ากรรมนายเวรเราก่อน เมื่อจิตใจเราเข้มแข็งขึ้นจึงจะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ และหมั่นตักบาตรให้เขาด้วย 

เรื่องใดที่ขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้พิจารณาไตร่ตรอง ทำไมใจเรายังคิดเรื่องนี้ ยังคาใจตรงไหน ตัดสินใจเด็ดขาดกับมันว่าจะทำยังไงแล้วก็วางมัน และคอยเตือนตัวเองหากตายขณะนี้ ต้องไปเกิดเป็นจิ้งจกตุ๊กแกเฝ้าอยู่บ้านเขาแน่นอน การรับรู้หลายจุดถี่ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดสติและให้สติเร็วขึ้น 

เมื่อมีสติ ก็จะเกิดสมาธิ และปัญญาในการแก้ไขปัญหาก็จะตามมา ส่วนการหยุดนั้น เพื่อให้เห็นการเกิดดับของการรับรู้และความคิด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดแล้วดับในทันที เมื่อเข้าใจในความเป็นจริง มันก็จะค่อยๆ ยอมรับว่าทุกสิ่งมันจบไปแล้ว และเลิกที่จะไปขุดคุ้ยขึ้นมาอีก เมื่อถึงเวลาที่จิตเขาก้าวเดินเองได้ คำบริกรรมก็จะค่อยๆ เลือนหายไป 


Rank: 1

"คุณแม่ทำยังไง หนูถึงจะเห็นอสุภะ เห็นกระโหลกเหมือนเขา"

ไปนั่งเพ่ง นั่งเห็นกระดูก ซี่โครง เห็นตับ เห็นไต มีแต่ของสกปรกโสโครก ถ้าใจมันยังวางไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ เห็นกระดูกซี่โครงแล้วเวลาเขาด่า มันยังโกรธอยู่ มันก็ไม่ดี จะเห็นหรือไม่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอก เห็นแล้วปลงได้มั้ยละ ถ้าปลงได้ใช้ได้ ถ้าปลงไม่ได้ก็ใช้ไม่ได้ แปลว่ายังเห็นไม่ถูก 

เห็นถูก เห็นชอบ เหมือนมรรคมีองค์ 8 เออ..กายนี้มันเป็นธรรมดา เดี๋ยวมันก็เสื่อม ผมมันดำเดี๋ยวก็หงอก มันแปรปรวนเนาะ เกิดมามันดำ กลางคนเข้ามามันหงอก แล้วใครจะยอมมั่งละ ถ้าเห็นมันเป็นธรรมชาติทำไมไม่ปล่อย เอาวัตถุนิยมมาย้อมทำไม หนังที่มันเหี่ยวก็เป็นธรรมดา ถ้ายังบำรุงกันอยู่มันก็วางไม่ได้ เห็นอสุภะแต่ยังห่วงสวย อยากให้ตัวเองดูดี มันก็วางไม่ได้ 

กิเลสหยาบละไม่ได้ แล้วจะละกิเลสละเอียดได้อย่างไร ผู้เข้าปฏิบัติ ถ้ารู้แจ้งเห็นจริง มันต้องเห็นว่ามันเป็นธรรมชาติ ก็ปล่อยมัน เอาอะไรมาหยุดมันก็ไม่อยู่ ย้อมไปก็ชั่วขณะ เดี๋ยวก็คืนสู่สภาพเดิม บำรุงขนาดไหน แพงขนาดไหน ดีขนาดไหน ก็หยุดความแก่ความเหี่ยวไม่ได้ สู้เอาเงินไปทำบุญเป็นสเบียงให้แก่ตัวเองดีกว่า

ธรรมะมองแว่บเดียวแล้วพิจารณาให้แตกฉาน แค่หงอกเส้นเดียวก็บรรลุธรรมได้ อสุภะภายนอก ความสกปรกโสโครกมีให้เห็นกันทั้งวัน เห็นแล้วพิจารณาด้วยปัญญา เห็นตามความเป็นจริง เอออันนี้มันเสื่อมแล้วนะ ตามองแทบไม่เห็น มันฝ้ามันฟางแล้ว หูมันก็เริ่มตึง ไม่มีอะไรเลยที่จะเที่ยง นี่แหละท่านว่าให้เห็นทุกข์สัจจริงๆ เห็นทุกข์เห็นโทษของมัน 

แม้ไม่เห็นอสุภะ แต่เข้าใจธรรมชาติของกายนี้ เข้าใจที่มันแปรปรวน เข้าใจที่มันทุกข์ ไม่ไปหลงมัน ไม่ไปยึดมัน อยู่กันไปตามสภาพ ป่วยก็ไม่ทุกข์กับมัน อันนี้แม้ไม่เห็นก็ใช้ได้แล้ว กายนี้จะวางได้ไม่ใช่เห็นอสุภะภายใน แต่วางได้ด้วยปัญญา คนที่เห็นได้ก็ต้องพิจารณาด้วยปัญญา เห็นโทษเห็นภัยมันจึงจะวางได้ เห็นอย่างเดียว ละไม่ได้วางไม่ได้ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด


Rank: 1

"การเดินจงกรมเพื่อการพักจิต"

เมื่อใจเบื่อคำบริกรรม ถามคุณแม่ชีเกณฑ์ว่าใช้ลมหายใจแทนคำบริกรรมได้ไหม ท่านบอกว่าได้ไม่ผิดอะไร วิธีกรรมของครูบาอาจารย์เป็นแนวทาง ผู้ที่รู้จักตัวเองดีแล้วก็ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเองได้ ในวันนี้จึงขอเดินเงียบๆ ช้าๆ ไม่เร่งตัวเอง ไม่เร่งลมหายใจ ปล่อยใจให้สบาย ไม่ได้ทำเพื่อใครหรือเพื่ออะไร เป็นการเดินจงกรม 6 จังหวะ โดยใช้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกแทนคำบริกรรม

จังหวะที่ 1. ยกส้น+หายใจเข้า.....หยุดค้าง+หายใจออก
(ยกส้นเท้าขึ้นพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ จนลมเต็มปอดท้องพองจนสุด แล้วหยุดเท้าค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมหายใจออกจนลมหมดท้อง แล้วค่อยเปลี่ยนจังหวะ)

จังหวะที่ 2. ยก+หายใจเข้า....หยุดค้าง+หายใจออก
(ยกเท้าขึ้นพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ แล้วหยุดค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมออกจนหมดท้อง)

จังหวะที่ 3. ย่าง+ลมหายใจเข้า....หยุดค้าง+ลมหายใจออก
(ก้าวขาออกไปพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ แล้วหยุดค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมออกจนหมดท้อง)

จังหวะที่ 4. ลง+ลมหายใจเข้า...หยุดค้าง+ลมหายใจออก
(เอาเท้าลงแต่ปลายเท้ายังไม่ถูกพื้นพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ แล้วหยุดค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมออกจนหมดท้อง)

จังหวะที่ 5. ถูก+ลมหายใจเข้า...หยุดค้าง+ลมหายใจออก
(ปลายเท้าถูกพื้นพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ แล้วหยุดค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมออกจนหมดท้อง)

จังหวะที่ 6. เหยียบ+ลมหายใจเข้า....หยุดค้าง+ลมหายใจออก
(เหยียบพื้นเต็มเท้าพร้อมกับหายใจเข้ายาวๆ แล้วหยุดค้างไว้พร้อมกับปล่อยลมออกจนหมดท้อง)

ผลจากการเดินจงกรมแบบนี้ ในเวลาไม่กี่วัน ใจก็วางเรื่องที่คิดไปหลายสิบเรื่อง เป็นใจที่สงบ เย็น หนักแน่น ว่างและวาง 

การเดินจงกรมไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้จุดนี่คือวิธีพักจิต คลายใจ ชำระจิต โดยที่ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องรอเวลา ไม่เสียเงิน แค่ห้องเล็กๆ ก็กว้างพอ แม้จะเดินได้แค่ก้าวเดียว ยืนกับที่ เดินไม่ได้ ยืนไม่ได้ เคลื่อนไหวได้แค่มือ หรือแค่ปลายนิ้ว ก็สามารถนำวิธีนี้ไปปรับให้เข้ากับตนเองได้ อยู่กับลมหายใจมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว เพิ่งจะใช้เขาให้เป็นประโยชน์สูงสุดก็วันนี้เอง


‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-4-23 15:48 , Processed in 0.108318 second(s), 13 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.