แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดสกิทาคา (ผาลาด) ถ.ศรีวิชัย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

S__39485541.jpg


IMG_0210.JPG



IMG_0412.JPG



IMG_0415.JPG



IMG_0416.JPG



รอยพระบาท ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__39485526.jpg



S__39485521.jpg



IMG_0410.JPG



รูปเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ประดิษฐานภายใน วิหาร วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__39485501.jpg



IMG_0188.JPG



IMG_0090.JPG



พระบรมธาตุเจดีย์  ประดิษฐานด้านหลัง วิหาร วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ


IMG_0180.JPG



IMG_0170.JPG



หินพัทธสีมา ด้านข้างวิหาร ใกล้บันไดทางขึ้น/ลง พระบรมธาตุเจดีย์  วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__39485499.jpg



S__39485500.jpg



S__39485481.jpg



พระบรมธาตุเจดีย์  วัดสกิทาคา (ผาลาด) เป็นเจดีย์รูปทรงพม่า มีรูปปั้นสิงห์ ๔ ตัว อยู่กันตัวละมุมพระเจดีย์ ด้านใต้ขององค์เจดีย์ มีโขงพระเจ้าอยู่ และมี
รูปปั้นมอม มอบราบอยู่ตรงฐานทางขึ้นค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__39485503.jpg



ประวัติความเป็นมาวัดสกิทาคา (ผาลาด)



(แหล่งที่มา : โครงการศึกษาเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ประวัติศาสตร์และโบราณสถานในเขตเทศบาลตำบลสุเทพให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี. วัดผาลาด (สกทาคามี). (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.sri.cmu.ac.th/~demo/i ... storic_detail/id/3. (วันที่ค้นข้อมูล : ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑))


วัดสกิทาคา (ผาลาด) ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๑ บ้านห้วยผาลาด หมู่ ๑ ถนนศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย โดยมีพื้นที่ที่กันออกจากอุทยานแห่งชาติตามพระราชกฤษฎีกา ปี พ.ศ.๒๕๒๕ การที่ได้ชื่อว่า “ผาลาด” นั้น สันนิษฐานว่าคงมาจากลานหินที่กว้างและลาดลงเป็นทางยาว มีธารน้ำที่ไหลลงน้ำตกที่สวยงาม

ในเอกสารของวัดผาลาดในการเชิญร่วมทำบุญบูรณะวัดผาลาดได้อ้างตำนานพระเจ้าเลียบโลกไว้ว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ยังดินแดนแห่งนี้ ได้มาเทศนาโปรดชาวลัวะใต้ต้นบุนนาค จากนั้นทรงเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทอดพระเนตรเห็นลานหินในลำธาร ทรงประทับนั่ง ทอดพระเนตรและรำพึงว่าเมืองนี้จะเป็นมหานครใหญ่ ศาสนาของพระตถาคตจะมารุ่งเรืองมั่นคงที่เมืองนี้ จากนั้นก็ประทับรอยพระบาทลงบนหินก้อนหนึ่งให้เทวดาไปเก็บรักษาไว้ในถ้ำ และรอยพระบาทนี้จะปรากฏออกมาเมื่อถึงกาละเวลาอันควร

นอกจากนี้วัดผาลาดยังมีประวัติศาสตร์ร่วมกับพระธาตุดอยสุเทพอีกด้วย ในตำนานพระธาตุพระมหาธาตุเจ้าสุเทพ เชียงใหม่ กล่าวไว้ว่า เมื่อพระสุมนเถระรับอาราธนานิมนต์จากพระญากือนา ได้ตั้งศาสนาไว้ที่วัดพระยืน นครหริภุญไชยแล้ว ก็มาอยู่ที่วัดสวนดอก โดยพระญากือนาได้สร้างถวายไว้ยังบริเวณสวนดอกไม้พะยอมของพระองค์ พระสุมนเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุจากสุโขทัยมายังเชียงใหม่ และเมื่อครั้งนั้นพระบรมสารีริกธาตุแสดงปาฏิหาริย์แตกออกมาเป็นองค์ย่อยๆ หลายองค์ ส่วนหนึ่งได้ประจุไว้ในพระธาตุวัดสวนดอก

อีกส่วนหนึ่งในตำนานมูลศาสนากล่าวว่า ได้ไปประดิษฐานไว้ที่เมืองตาก โดยให้เมืองตากเป็นเมืองกลางที่คนล้านนาและสุโขทัยต่างเดินทางไปนมัสการพระธาตุได้โดยเสรี หลังจากที่เมืองตากขึ้นกับล้านนาในสมัยพระญาฅำฟูเป็นต้นมา อีกส่วนหนึ่งพระญากือนาก็ตั้งจิตอธิษฐานหาสถานที่อันจะตั้งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยให้ช้างเผือกนำพระบรมสารีริกธาตุเสี่ยงทายสถานที่อันจะตั้งพระบรมสารีริกธาตุ ช้างเผือกเดินทางมายังทิศตะวันตก แล้วไปหยุดอยู่ยังสถานที่หนึ่ง จึงบอกให้ช้างนอน ช้างก็ไม่นอน แล้วเดินทางต่อไป สถานที่แห่งนั้นเรียกว่า ดอยช้างนูน ต่อมาเรียกว่า ดอยหมากหนุน (บริเวณนี้ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของเอกชน)

จากนั้นช้างก็เดินทางต่อไปยังยอดดอยที่หนึ่ง มีสัณฐานราบเสมอกัน ก็กราบนบพระธาตุ ๓ ที ว่าจะขอตั้งพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่แห่งนี้ ช้างก็หยุดอยู่ที่นั้น ผู้คนจึงเรียกที่แห่งนั้นว่า “๓ ยอบ” ต่อมาเรียกใหม่เป็น “๓ ยอด” แล้วช้างเดินทางต่อไปจนถึงยอดดอยสุเทพ ในเอกสารของทางวัดกล่าวว่า ช้างมงคลมาหยุดพักยังที่แห่งนี้ก่อนที่จะขึ้นสู่ดอยสุเทพ บางสำนวนก็เล่าว่า มาถึงจุดนี้คนที่ติดตามมา ลื่น หรือภาษาล้านนาเรียกว่า “ผะเลิด” จึงเรียกว่า ผาลาด ก็มี จากจุดนี้ขึ้นไป จะเป็นทางที่ชันมาก วัดผาลาดจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นจุดพัก และเป็นจุดพักครึ่งทางในการเดินขึ้นดอยสุเทพพอดี

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่าในปี พ.ศ.๑๙๘๑ ในสมัยพระญาสามฝั่งแกน ตอนรบศึกกับพระญาไสยลือไทยแห่งสุโขทัยนั้น พระญาไสยลือไทยได้มาตั้งทัพอยู่ที่เวียงเจ็ดลิน และได้เดินทางมาสระผมถึงดอยผาลาดหลวงแห่งนี้ด้วย ในปี พ.ศ.๒๔๖๙ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ คราที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีได้เสด็จขึ้นดอยสุเทพ ในระหว่างเสด็จลงนั้น ทรงแวะประทับร้อนที่ผาลาด ด้วยวัดผาลาดเป็นจุดแวะพักระหว่างทาง

สิ่งสำคัญที่เห็นได้ชัดนอกจากสภาพพื้นที่อันกว้างขวางแล้ว ยังมีบ่อน้ำไว้สำหรับดื่มอีกด้วย การขุดบ่อน้ำริมน้ำห้วยนี้นับว่าเป็นการกรองน้ำจากลำห้วยอีกทอดหนึ่ง ด้วยไม่นิยมดื่มน้ำจากลำห้วยโดยตรง ในเอกสารของทางวัดกล่าวว่า บ่อน้ำนี้มีการสร้างทับซ้อนกันหลายยุคหลายสมัย

นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งนั่นคือ พระพุทธรูปบริเวณหน้าผา ในเอกสารทางวัดกล่าวว่า พระพุทธรูปแต่เดิมเป็นศิลปะเชียงแสน และมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่องค์หนึ่ง นามว่า พระไล่กา หรือ ภาษาล้านนาเรียกว่า “พระเจ้าเกิด็กา” ว่าเป็นพระพุทธรูปไล่กาไม่ให้บินไปยังดอยสุเทพ และดอยสุเทพจึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ดอยกาละ ส่วนพระพุทธรูปหน้าผานี้ เมื่อมีการบูรณะโดยช่างชาวพม่าก็มีการบูรณะเป็นศิลปะแบบพม่าไป รวมถึงอาคารที่ครอบพระพุทธรูปนี้ไว้ โดยเรียกว่า ศาลาชมศิลป์

พระเจ้าเกิด็กา ได้กล่าวไว้ใน “ค่าวฮ่ำตำนานดอยสุเทพเจ้า” ของขนานหลวงเป็ง กาวิโล และปริวรรตโดยพระครูสิริพัฒนานุกูล วัดพวกหงษ์ พร้อมกับได้พรรณนาการเดินทางขึ้นไปไหว้สาพระธาตุดอยสุเทพ ในเส้นทางเดินเดิม ก่อนที่จะมีการสร้างถนนศรีวิชัยขึ้นไปบนดอยสุเทพ ได้บอกไว้ว่าอยู่เลยวัดผาลาดขึ้นไป “...ที่ผาลาดหลวง อารามที่พัก เป๋นวัดเก่าเกื้อ บัวราณ มีเจติยะ ศาลาวิหาร ริมหนทาง ขึ้นไปธาตุเจ้า อกพุทโธ คนโซแก่เฒ่า หัวใจ๋ดีใน ชื่นย้าว พ่องเอาอาหาร กล้วยไข่กล้วยค้าว ไปใส่เข้า ปูชา พ่องเอาดอกไม้ ธูปเทียนบุบผา ไปถวายปูชา องค์พระที่ไหว้ พระเจ้าเกิ๊ดก๋า ชื่อนามบอกให้ เป๋นที่คนไป ยั้งพัก...”

ในค่าวเรื่องนี้ได้บรรยายถึงการหยุดพักบริเวณวัดผาลาดโดยเฉพาะในเทศกาลเดินขึ้นดอยว่า มีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งร้านขายของและมีการละเล่นกันบริเวณจุดพักแห่งนี้ และถือว่าเป็นจุดวัดบุญของแต่ละคนด้วย หากใครบุญไม่ถึงก็จะเกิดเหตุให้ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้

ศาสนสถานหลายแห่งสร้างขึ้นในสมัยของครูบาศรีวิชัยสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ทั้งมณฑปครอบบ่อน้ำ วิหารที่สร้างโดยชาวไทลื้อ-พม่า ศิษย์ครูบาเทิ้ม วัดแสนฝาง และ ศิษย์ครูบาสิทธิ วัดท่าสะต๋อย เจดีย์โดยช่างกลุ่มเดียวกับวัดมหาวัน เป็นต้น ส่วนแนวความคิดของวัดสกิทาคา เริ่มปรากฏหลังสมัยครูบาศรีวิชัย ดังปรากฏในนิราศพระธาตุดอยสุเทพ ของ แมน สุรตโน ที่ว่า

“...สร้างถนน ผลมี มั่งจีรัง......... บางตอนยัง ย้ำชัด สร้างศรัทธา คือขั้นตอน ปฏิบัติ สร้างวัดก่อน ....... เริ่มขั้นตอน ต้นคิด ปริศนา คืออาราม นามมี ศรีโสดา....... สกิทาคา อนาคา- มี- นัย อรหันต์ ชั้นสุด ถึงจุดยอด...... ทางตลอด ผาลาด ก็ขาดไข..”

ต่อมา ปี พ.ศ.๒๕๐๕ หลวงพ่อสวัสดิ์ สุขกาโม ได้จาริกมาปฏิบัติธรรมยังวัดผาลาด ต่อมาก็อยู่ในความดูแลของวัดพระธาตุดอยสุเทพ และก็ปล่อยให้รกร้าง กระทั่ง วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๔ จึงได้รับประกาศจากกระทรวงศึกษาธิการยกวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ปัจจุบันมีพระครูธีรสุตพจน์ (พระมหาสง่า  ธีรสํวโร) เป็นเจ้าอาวาส และได้ทำการบูรณะวัดขึ้นใหม่


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

S__39485503.jpg



IMG_0116.JPG



IMG_0111.JPG



IMG_0126.JPG



IMG_0122.JPG



รูปปั้นสิงห์ ประดับอยู่บนฐานเขียงทั้ง ๔ ทิศ องค์พระบรมธาตุเจดีย์  วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_0159.JPG



IMG_0146.JPG



IMG_0137.JPG



โขงพระเจ้า มี “รูปปั้นมอม” มอบราบอยู่ตรงฐานทางขึ้น องค์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_0164.JPG



จุดธูปเทียน ถวายดอกไม้ ลูกแก้วจักรพรรดิ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และขอโมทนาบุญกับผู้สร้าง ผู้บูรณะ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในบุญกุศล ณ สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดทั้งมวลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต และตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้ ณ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งอยู่คู่กับพระพุทธศาสนาสืบต่อไปจน ๕๐๐๐ ปี ค่ะ สาธุ สาธุ


IMG_0053.JPG



เดี๋ยวเรามากราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ วัดสกิทาคา (ผาลาด) พร้อมกันเลยนะคะ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)   
        
วันทามิ เจติยัง สัพพัง สัพพัฏฐาเนสุ ปะติฏฐิตา สะรีระธาตุโย เกศาธาตุโย อะระหันตา ธาตุโย เจติยัง คันทะกุฏิง จะตุละสี ติสสะหัสเส ธัมมักขันเธ สัพเพสัง ปาทะเจติยัง อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ ทุระโส อะหังวันทามิ สัพพะทา อะหังวันทามิ สิระสาฯ

ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อมบูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรมนำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฏ พร้อมกราบพระธรรม และพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ต้องเกิดในทิพย์จุติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา ได้พบสัตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร ห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรมประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ กรรมใดๆ ที่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายในอดีตชาติก็ตามปัจจุบันชาติก็ตาม กราบขออโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้น จงประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ และมีความสุขฯ ทั่วกันทุกท่านเทอญ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_0074.JPG



IMG_0166.JPG



IMG_0154.JPG



IMG_0155.JPG



IMG_0157.JPG



หอพระพุทธรูป ประดิษฐานใกล้ พระบรมธาตุเจดีย์  วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_0063.JPG



IMG_0097.JPG



พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ


IMG_0186.JPG



S__39485539.jpg



IMG_0251.JPG



บันไดทางขึ้น/ลง ศาลา ใกล้พระบรมธาตุเจดีย์ วัดสกิทาคา (ผาลาด) ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-4-27 08:54 , Processed in 0.047705 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.