แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

นิทานกฎแห่งกรรมก่อนนอน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

ตอนที่ ๒๙

ปลงตก

L56.1.png


พระพุทธเจ้า เมื่อประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี ทรงปรารภถึงนางเปรตขัลลฏิยะตนหนึ่ง ดังนี้

ในอดีตกาล ในกรุงพาราณสี มีหญิงงามผู้อาศัยรูปสมบัติเลี้ยงชีพคนหนึ่ง นางมีรูปร่างสวยงามมาก น่าดูน่าชม ประกอบด้วยผิวพรรณอันงดงามยิ่งนัก มีกำแห่งผมน่ารื่นรมย์ใจ จริงอยู่ ผมของนางดำยาว ละเอียดอ่อนนุ่มสนิท มีปลายตวัดขึ้น เกล้าเป็นสองแฉก สยาย ห้อยย้อยลงมาจนถึงสายรัดเอว เมื่อคนหนุ่มเห็นความงามแห่งเส้นผมของนางแล้ว โดยมากจะมีจิตปฏิสัมพันธ์ในนาง

ลำดับนั้น มีหญิง ๒-๓ คน เมื่อเห็นคนส่วนมากเสน่หาผมของนางนั้นแล้ว จึงเกิดความริษยา ไม่อาจจะทนอยู่ได้ จึงปรึกษากันว่าจะทำลายผมของนางนั้น จึงเอาอามิสจ้างเล็กๆ น้อยๆ ไปให้คนรับใช้ของนางผมสวยเอายาทำลายผมไปทำลาย ในขณะที่นางลงอาบน้ำในแม่น้ำคงคา

หญิงรับใช้ก็ทำตามคำของหญิงริษยา โดยหลอกนายหญิงว่า ยานั้นเป็นยาบำรุงผมใช้สระผมแล้วจะทำให้ผมงามยิ่งนัก เมื่อนางลงไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคาและสระผมด้วยยานั้น ในทันทีนั้นผมของนางก็ได้ร่วงหลุดไปจนถึงรากผม ศีรษะของนางที่สวยงามด้วยผม ก็กลายเป็นเช่นกะโหลกน้ำเต้าขม หรือเหมือนนกพิราบถูกถอนขนหัว แลดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง

นางเกิดความละอาย จึงไม่อาจจะเข้าไปในเมือง เอาผ้าคลุมศีรษะหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณรอบเมืองนั่นเอง แต่พอเวลาผ่านไปเพียง ๒-๓ วันเท่านั้น นางก็ปลงใจได้ หมดความละอาย กลับไปบ้านเดิม แล้วเริ่มอาชีพค้าน้ำมันจากเมล็ดงาขาย พร้อมทั้งตั้งโรงขายสุราไปด้วย


วันหนึ่งมีคนคอเหล้า ๒-๓ คน มากินเหล้าที่ร้านของนาง เกิดการมึนเมามาหนัก จึงนอนหลับไปอย่างหมดสติ นางจึงลักผ้านุ่งที่คนขี้เมานุ่งไว้หลวมๆ คนขี้เมาตื่นขึ้นมาก็ไม่อาจจะหาขโมยได้

วันหนึ่งนางเห็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ออกบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านของตน นางจึงมีจิตเลื่อมใสนิมนต์ให้เข้ามานั่งในเรือนตน ให้ท่านนั่งในอาสนะที่ตบแต่งไว้ แล้วได้ถวายแป้งผสมน้ำมันงา พระเถระมีจิตคิดอนุเคราะห์นางจึงรับประเคนแป้งผสมน้ำมันงาแล้วฉันอยู่


นางจึงมีจิตเลื่อมใสได้ยืนกั้นร่ม เพื่อจะทำให้นางร่าเริงในกุศล พระเถระจึงกระทำอนุโมทนา ในขณะนั้นเองนางก็ได้ตั้งจิตปรารถนาว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอให้เส้นผมของดิฉันยาวละเอียดนุ่มสนิท มีปลายผมตวัดขึ้นด้วยเถิด” พระเถระได้แสดงอนุโมทนาแล้วหลีกไป

ในกาลต่อมา นางได้ถึงแก่กรรม ด้วยผลแห่งกรรมที่คละกันทั้งชั่ว (คือที่ลักผ้านุ่งของคนขี้เมา) และคละดี (คือที่เลี้ยงพระ) นางจึงต้องไปเกิดเป็นเปรตอยู่ในวิมานทอง ท่ามกลางมหาสมุทร นางมีผมสวยตามที่ปรารถนา แต่นางไม่มีผ้านุ่งห่ม ต้องหลบซ่อนเอาเส้นผมบังกายอยู่ในวิมานนั้นนานถึงหนึ่งพุทธันดร

จนลุถึงพระพุทธเจ้าของเราในปัจจุบันเสด็จอุบัติ และประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน ได้มีพ่อค้าชาวกรุงสาวัตถี ๗๐๐ คน แล่นเรือไปสู่มหาสมุทรมุ่งจะไปสุวรรณภูมิ นาวาที่แล่นไปเกิดต้องพายุ จึงพลัดไปสู่ทิศทางที่วิมานของนางเปรตนั้น

นางเปรตจึงแสดงตนแก่พวกพ่อค้าเหล่านั้น โดยโผล่แต่ใบหน้าออกมา ไม่อาจจะแสดงร่างกายที่เปลือยเปล่าได้ พ่อค้าจึงได้ถามถึงสาเหตุ นางจึงได้เล่าถึงบุพกรรมว่า ได้ลักผ้าของคนขี้เมา จึงทำให้นางไม่มีผ้านุ่งห่มในชาตินี้

พ่อค้าจึงกล่าวว่า “นี่แน่ะ น้องสาวคนสวย เอาเถอะ พี่จะให้ผ้าเนื้อดีแก่น้อง เชิญน้องนุ่งห่มผ้าผืนนี้ แล้วมาหาพี่นอกวิมานเถิด” พ่อค้ากล่าวแล้วก็เอาผ้าห่มของตนไปให้นาง แต่นางไม่รับผ้านั้น พร้อมกับกล่าวว่า


“ถึงพี่จะให้ผ้านั้นแก่มือของน้อง ผ้านั้นก็ไม่สำเร็จประโยชน์แก่น้องดอก ถ้าในเรือลำนี้มีอุบาสกผู้มีศรัทธา เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ขอพี่จงให้ผ้านั้นแก่อุบาสก และให้อุบาสกนุ่งห่มผ้านั้น แล้วพี่จะอุทิศส่วนกุศลมาให้น้อง เมื่อพี่ทำอย่างนั้น น้องก็จะได้นุ่งผ้าห่มนี้ตามความปรารถนาและมีความสุข”

พ่อค้าเหล่านั้น จึงให้อุบาสกคนหนึ่ง ชำระร่างกายแล้วให้นุ่งผืนหนึ่งห่มผืนหนึ่ง แล้วอุทิศผลบุญแก่นางเปรตนั้น ในทันตาเห็นนั้นเอง อานิสงส์ได้เกิดขึ้นแก่นางเปรตนั้น ทั้งโภชนะและน้ำดื่มพร้อม นางมีร่างกายบริสุทธิ์นุ่งห่มสะอาดและงามกว่าผ้าของชาวแคว้นชนกาสี เดินยิ้มออกมาจากวิมาน พบพวกพ่อค้าเหล่านั้น

พวกพ่อค้าเกิดอัศจรรย์จิต พากันเลื่อมใสอุบาสก ให้ความเคารพนับถือเข้าไปใกล้ อุบาสกนั้นจึงแสดงธรรมกถาและให้พวกพ่อค้าตั้งอยู่ในสรณะและศีล เมื่อเทพธิดาเล่าบุพกรรมของตนแก่พวกพ่อค้าแล้ว อุบาสกนั้นเมื่อจะทำที่พึ่งให้แก่นางยิ่งขึ้น จึงกล่าวว่า


“ดูก่อนแม่เทพธิดา เธอจงสำเร็จความประสงค์ทุกอย่างแล้ว ด้วยอาศัยทานที่ให้แก่เราคนเดียวเท่านั้น แต่ท่านควรจะให้ทานแก่อุบาสกในเรือนทั้งหมด ควรระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ก็จะทำให้พ้นจากการเกิดในนรกได้”

นางเทพธิดามีความยินดีกล่าวว่า “สาธุ” แล้วได้บริจาคทานอันเป็นทิพย์แก่พวกอุบาสกทั้งหมด มีข้าว น้ำ ผ้า และแก้วต่างๆ พร้อมทั้งถวายคู่ผ้าทิพย์ มุ่งบูชาพระพุทธเจ้า ฝากอุบาสกเหล่านั้นไปถวาย พร้อมทั้งกล่าวว่า


“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นางเวมานิกเปรตตนหนึ่ง ขอฝากไว้ด้วยเศียรเกล้า แทบพระบาทของพระพุทธเจ้า” พร้อมทั้งนำเรือนั้นไปจอดยังท่าเรือที่อุบาสกเหล่านั้นปรารถนา

ด้วยอำนาจอิทธานุภาพของตน ทั้งพ่อค้าและพวกอุบาสกต่างก็มาถึงท่าเรือ พากันเดินทางไปเมืองสาวัตถี ครั้นถึงพระเชตวันแล้ว ได้เข้าถวายบังคมพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งถวายคู่ผ้าทิพย์นั้น พระพุทธเจ้าทรงกระทำเรื่องนี้เป็นเหตุ แล้วทรงแสดงธรรมเทศนาโดยพิสดารแก่หมู่พุทธบริษัทและมหาชน

ในวันรุ่งขึ้น พวกอุบาสกได้พร้อมใจกันถวายมหาทานแด่พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธาน และได้อุทิศส่วนบุญนั้นแก่นางเปรต และนางก็ได้ไปบังเกิดในวิมานชั้นดาวดึงส์ อันโชติช่วงไปด้วยรัตนะต่างๆ มีนางอัปสร ๑,๐๐๐ เป็นบริวาร


อรรถกถาขัลลาฏิยเปติวัตถุ

L55.png





Good night.jpg



“...ภพชาติเป็นสิ่งที่ล่วงรู้ได้ยาก

เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วนับชาติไม่ถ้วน

มีทั้งกุศลและอกุศล

ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไรไม่มีใครรู้

ฉะนั้นรีบทำความเพียร

เพื่อความหลุดพ้นจากความเกิดชาตินี้ดีกว่า

เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกรรม หรือใหญ่เกินกว่ากรรม…”

l30.png

Orange-Sky1.jpg


Rank: 1

อนุโมทนาทุกเรื่องราวที่นำมาเผยแพร่เป็นธรรมทานด้วย

สาธุ ๆๆๆๆๆๆๆๆ
นพ

Rank: 1

ขอบคุณครับที่นำมาให้ได้อ่านกัน โมทนาสาธุ
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-4-30 05:22 , Processed in 0.063584 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.