แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดพระบาทหัวเสือ บ.หัวเสือ ม.๑๒ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

141336sllsg8ct9sztz536.jpg



รูปปั้นเต่า อยู่บนเสากำแพงแก้วรอบทั้งสี่ทิศ พระธาตุเจดีย์ วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ


141338oemh9jkpsphsjdmy.jpg



141337cdx50c9ndnoz0odi.jpg



ศาลาบาตร วัดพระบาทหัวเสือ อยู่ด้านข้าง อุโบสถ ค่ะ


1413401ccyjhu3u8z68rc1.jpg



141339zmmm3ozxkketemad.jpg



พระพุทธรูป ประดิษฐานภายใน ศาลาบาตร วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

141629ahy00lyhs7el68e0.jpg



141632a3ba43w0wgmtstmm.jpg



ต้นลั่นทม วัดพระบาทหัวเสือ อยู่ด้านข้าง อุโบสถ ค่ะ


141630ep2px24hka20hxx4.jpg



141633mv3uzff4vvv3fyx4.jpg



จากหนังสือตามรอยพระพุทธบาท ฉบับรวมเล่ม ๑ โดย พระชัยวัฒน์ อชิโต

กล่าวว่า “ท่านครูบาอภิชัยขาวปี ได้เคยมาชี้จุดที่ต้นลั่นทมบริเวณใกล้รอยพระพุทธบาทและบอกว่า ใต้ต้นไม้นี้มีบ่อน้ำทิพย์และพระพุทธรูปฝังอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ถ้าจะขุดขึ้นมาจะต้องให้คนแต่งชุดขาวถือศีล ๘ เป็นผู้ขุด เสร็จแล้วให้อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมา ให้เหลือไว้เพียงองค์เดียว หลังจากนั้นให้สร้างรั้วล้อมบ่อน้ำทิพย์ไว้ ห้ามผู้หญิงเดินข้ามหรือเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด”



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

1419143rtrp8jt6emytphy.jpg



รูปปั้นฤาษี อยู่ใกล้ ต้นลั่นทม วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ


141915km8zyrxeq4jk7yyu.jpg



กู่อัฐิธาตุหลวงปู่ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส อดีตเจ้าอาวาส วัดพระบาทหัวเสือ อยู่ข้างพระธาตุเจดีย์ บูรณะเมื่อพ.ศ. ๒๕๕๑ ค่ะ


141916ocoibozwvnc9bgnv.jpg



กู่อัฐิ บริเวณด้านหลัง กู่อัฐิธาตุหลวงปู่ครูบาปุ๊ด วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

1424498s729kjckhsc8s9v.jpg



ศาลาทำบุญพระประจำวันเกิด วัดพระบาทหัวเสือ อยู่ข้างพระธาตุเจดีย์ ค่ะ


1424495y0gnrngdr24e7y8.jpg



รูปหลวงปู่ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส อดีตเจ้าอาวาส ประดิษฐานภายใน ศาลาทำบุญพระประจำวันเกิด วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ


ประวัติหลวงปู่ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส

หลวงปู่ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส อดีตเจ้าอาวาส วัดพระบาทหัวเสือ และอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร องค์ที่ ๑๔ ประมาณปีพ.ศ. ๒๓๑๔ ได้บรรลุธรรมอภิญญาณ สามารถย่นย่อแผ่นดินได้ โดยมีเรื่องเล่าว่า


ครูบาปุ๊ดไปบิณฑบาตที่อำเภอแม่แจ่ม แล้วกลับมาฉันข้าวที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารในเช้าวันนั้นเอง (โดยมีพยานหลักฐานเป็นเรื่องเล่า มีพ่อค้าวัวต่าง ชาวแม่แจ่ม สมัยโน้น ได้มาซื้อข้าวของค้าขาย แลกเกลือที่อำเภอจอมทอง เพื่อกลับไปขายยังอำเภอแม่แจ่ม ได้พบครูบาปุ๊ด เดินโผล่ออกมาจากป่า บริเวณบ้านหัวเสือพระบาท (หมู่บ้านเชิงดอยทางทิศตะวันตกของอำเภอจอมทองประมาณ ๗ กิโลเมตร) พวกเขาหุงข้าวเสร็จ พอเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งเดินมา จึงนิมนต์รับบิณฑบาต

และได้ถามว่า “ท่านไปบิณฑบาตที่ไหนมาในป่าอย่างนี้”     
พระท่านได้ตอบว่า “ ไปบิณฑบาตแม่แจ่มมา”  
พ่อค้าวัว “บ้านอะไรหรือครับท่าน”
พระตอบว่า “บ้านสันหนองนะโยม”
พระท่านได้เปิดฝาบาตรเพื่อให้พ่อค้าวัวต่างทำบุญใส่บาตร และทันใดนั้น พ่อค้าก็ได้เห็นข้าวในบาตรพระ เป็นสีดำๆ ด่างๆ ก็รู้ว่าเป็นข้าวชั้นดี ซึ่งสมัยนั้นมีปลูกกันมากที่แม่แจ่มเท่านั้น ก็เข้าใจว่าคงจะเป็นบ้านเรา กระมัง

พ่อค้าได้ถามพระครูบาอีกว่า “คนลักษณะใดใส่บาตรครูบาขอรับ”
พระท่านก็ตอบว่า “ เป็นผู้หญิงคอออม (ออม หมายถึง พอง ปูด โปนออกมา)
พ่อค้าเอะใจ แต่ก็ไม่ได้พูดว่ากะไร หลังจากซื้อขายข้าวของเสร็จแล้ว พ่อค้าก็เดินทางกลับบ้านแม่แจ่ม  

ครั้นเมื่อถึงบ้านจึงได้ถามภรรยาว่า “ได้เคยใส่บาตรพระบ้างไหม”
ภรรยาตอบว่า “เคยใส่บาตรพระเดินออกมาจากป่า”
พ่อค้าถาม “แล้วเอาอะไรละ”
ภรรยาตอบว่า “เอาข้าวกล่ำใส่” (ข้าวหอมชนิดหนึ่งชาวบ้านนิยมปลูกไว้ ทำขนมไปทำบุญที่วัด)
พ่อค้าถาม “แล้ววันไหน พระเป็นคนเช่นใดล่ะ”


ภรรยาได้ตอบคำถาม ซึ่งตรงกับเป็นพระองค์เดียวกันกับพระที่พ่อค้าได้ใสบาตรในเช้าวันเดียวกันที่บ้านหัวเสือพระบาท อำเภอจอมทอง จึงได้รู้ว่า พระองค์นี้มีบุญบารมียิ่งนัก



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

142946dgypbmwsr9xvqqym.jpg



กุฏิสงฆ์ วัดพระบาทหัวเสือ ปัจจุบันมีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ในวัดเพียงรูปเดียว คือ พระธนมงคล ขนฺติธโร ค่ะ


14294746c6t50lp6a0xptx.jpg



ด้านหลัง วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ


ปัจจุบันทางวัดได้ซื้อที่ดิน ๓ ไร่ ๘๕ ตารางวา จำนวน ๖๓๖,๐๐๐ บาท

เพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม

--------------------


ผู้มีจิตศรัทธาท่านใดอยากร่วมสมทบทุนซื้อที่ดินถวายวัด


สามารถเดินทางไปทำบุญที่วัดพระบาทหัวเสือ หรือติดต่อเจ้าอาวาส (พระธนมงคล ขนฺติธโร)

โดยตรงที่ ๐๘๘-๔๑๐๔๒๔๙



ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บพระบาทหัวเสือ โดยตรงได้ที่

http://www.xn--l3cgipzvfyhw1aihl4f8g.com/



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

150014izf6eif0wjm1669i.jpg



ต้นโพธิ์ ด้านหลัง วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ


150015oz4143atmg1nasvb.jpg



150016oqvcvv8fkkkqovn0.jpg



บ่อน้ำ ด้านหลัง วัดพระบาทหัวเสือ อยู่ใกล้กับต้นโพธิ์ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

150316rj4xxujexzdasjxd.jpg



150314kodgzbod3nno3pak.jpg



ศาลอนันตนาคราช วัดพระบาทหัวเสือ อยู่บริเวณด้านหลังวัด ห้ามผู้หญิงเข้าไปในเขตศาล ค่ะ


150316jnjb0xn1quypba5u.jpg



ปากทางเข้าถ้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับศาลอนันตนาคราช วัดพระบาทหัวเสือ จะมีต้นไม้และหญ้าปกคลุมขึ้นเต็มเลยค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

150811m9bvmm89p9smim0i.jpg



เดี๋ยวเราเดินไปสำรวจบริเวณภายใน  วัดพระบาทหัวเสือ กันต่อนะคะ


150813trhskib1tfhkdrf7.jpg



150814m6u5c0x7zqzx0eu7.jpg



ศาลาพุทธมงคลสามัคคีธรรม ภายใน วัดพระบาทหัวเสือ สร้างเมื่อพ.ศ.๒๕๔๘ – ๒๕๕๓ ค่ะ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

151317v6j01g06q6aqx9gq.jpg



ต้นโพธิ์ ใกล้ ศาลาพุทธมงคลสามัคคีธรรม วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ

คำไหว้ต้นไม้ศรีมหาโพธิ์
(กล่าวนะโม ๓ จบ)  วันทามิ  เจติยังพัง  สัพพมัฏฐาเน  สุปติฏฐิตังสารีริกธาตุ  มหาโพธิง  พุทธรูปัง  สกุลังสทา


151319ql5qaalzyydfqfzw.jpg



ตำนานไม้ค้ำสะหลี (ไม้ค้ำศรีมหาโพธิ์) อำเภอจอมทอง

คำว่า “สะหลี” เป็นภาษาพื้นเมืองมาจากคำว่า “ศรี” ประวัติความเป็นมาของไม้ค้ำสะหลี หรือ ไม้ค้ำโพธิ์ มีเรืองเล่าว่าสมัยเมื่อ ครูบาปุ๊ด หรือ ครูบาพุทธิมาวังโส เจ้าอาวาสองค์ที่ ๑๔ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร นั้น ยามเดือนแปดเหนือ (เดือนพฤษภาคม) พ.ศ.๒๓๑๔ ได้เกิดลมพายุใหญ่พัดเอากิ่งไม้สะหลี (ต้นโพธิ์) ภายในวัดหักลงมา รุ่งเช้าครูบาจึงให้พระภิกษุ สามเณร และ เด็กวัดช่วยกันเก็บกวาดกิ่งไม้หักไปไว้นอกวัด ยามนั้นครูบาพุทธิมาวังโส หรือ ครูบาปุ๊ด เจ้าอาวาสให้นึกตกใจกลัวยิ่งนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่สมัย เจ้าอาวาสองค์ก่อนๆ ไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลย ครูบาปุ๊ดคิดอย่างนั้นทำให้เครียดหนักขึ้นตกตอนกลางคืน ครูบาปุ๊ดเข้าจำวัด และก็เกิดนิมิตขึ้นว่า มีเทวดามาบอกว่าที่เกิดเหตุอาเพศลมพัดกิ่งไม้สะหลีหัก นั้น เป็นเพราะ ครูบาปุ๊ดไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมโดยเคร่งครัด จวบจนล่วงเวลาได้ ๒ เดือนก็ได้บรรลุธรรม อภิญญาณ สามารถย่นย่อแผ่นดินได้

พอท่านครูบาปุ๊ดได้ธรรมอภิญญาณแล้วก็มีสติปัญญาเกิดขึ้นตามลำดับ จึงได้วางแผนไว้ในใจ ในปีนี้พอถึงวันเข้าพรรษา ชาวบ้านต่างมาทำบุญฟังเทศน์ที่วัดมากมาย ท่านจึงได้บอกเรื่องถึงเหตุการณ์ที่ไม้สะหลีหัก ที่ประชุมจึงตกลงไว้ว่า ปีต่อไปประมาณเดือน ๗ (เดือนเมษายน) ให้ชาวบ้านไปตัดง่ามมาช่วยกันค้ำกิ่งต้นไม้สะหลีเอาไว้กันลมพัดหักโค่นใน พ.ศ. ๒๓๑๕ นั้นเอง

151321dio696i9onumeb3i.jpg



ต่อมาครูบาปุ๊ด และชาวบ้านได้กำหนดให้มีประเพณีการทำบุญแห่ไม้ค้ำโพธิ์ หรือไม้ค้ำสะหลี ทุกปีในเดือน ๗ เหนือ หรือ เดือน เมษายน ซึ่งมีประเพณีดังนี้

วันที่ ๑๓ เมษายน  เป็นวันสังขารล่องให้ชำระจิตใจ และ บ้านเรือนให้สะอาด
วันที่ ๑๔ เมษายน  เป็นวันเนาว์ หรือ วันเน่า ห้ามพูดคำไม่ดี ไม่เป็นสิริมงคล ถือเป็นวันดา หรือวันเตรียม งานด้วยมีการขนทรายเข้าวัด

วันที่ ๑๕ เมษายน เป็นวันพญาวัน เป็นวันยิ่งใหญ่ กว่าวันใดๆ มีการทำบุญใหญ่ เป็นวันแห่ไม้ค้ำสะหลี (แห่ไม้ค้ำโพธิ์) ซึ่งชาวจอมทองไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนต่างก็จะพากันกลับบ้านมารดน้ำดำหัวบุพพการี และร่วมแห่ไม้ค้ำสะหลีกันอย่างเนืองแน่น ถือเป็นประเพณีแห่ไม้ค้ำโพธิ์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่สืบทอดกันมาช้า นานนับสองร้อยกว่าปีมาแล้ว
วันที่ ๑๖ เมษายน เป็นวันปากปี ถือเป็นวันเริ่มศักราชใหม่ของชาวพื้นเมืองเหนือล้านนา

ประเพณีแห่ไม้ค้ำสะหลี หรือประเพณีปี๋ใหม่เมือง หรือประเพณีวันสงกรานต์  ถือเป็นวันทำบุญ ครั้งใหญ่ของชาวล้านนาการทำบุญที่วัดและให้บรรดาญาติผู้ใหญ่ตลอดจนถึงบรรพชนที่ลุล่วงลับดับขันธ์ไป

นอกจากนี้ ครูบาปุ๊ดยังได้อบรมสั่งสอนให้ชาวบ้าน ถึงกุสโลบายการจัดประเพณีนี้โดยได้อานิสงค์หลายอย่างเช่น เป็นการค้ำไม้สะหลี (ต้นโพธิ์) ไม่ให้หักโค่นลงมา เป็นการสืบชะตาวัด หมู่บ้านและชาวบ้านเองให้เป็นสิริมงคลอยู่ร่มเย็นเป็นสุข เป็นการค้ำจุนสืบทอดพระพุทธศาสนาให้อยู่ยาวนานตลอด ถึง ๕,๐๐๐  พระวสา เป็นรื่นเริงในหน้าแล้งซึ่งอากาศร้อนมากโดยมีพิธีรดน้ำดำหัว พักผ่อนในยามว่างงาน จากนั้นบรรดาเครือญาติจากที่ต่างๆ จะมารวมตัวพบปะสังสรรค์กัน ถือว่าเป็นวันครอบครัวของชาวล้านนาจอมทองอีกด้วย

สำหรับผู้ที่เล่าสืบต่อมา คือ ครูบามหาวัน เจ้าอาวาสองค์ที่ ๑๕ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ซึ่งขณะนั้นเป็นสามเณรน้อยอายุ ประมาณ ๑๐ -๑๑ ขวบ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ครูบายะ หรือ ครูบาพุทธศาสตร์ สุประดิษฐ์ เจ้าอาวาสองค์ที่ ๑๖ ผู้สร้างกุฏิไม้หลังใหญ่ (โฮงหลวง) ตุ๊พ่อตั๋น สังวโร พระเถระผู้ใหญ่สมัยท่านพระครูสุวิทยธรรม เจ้าอาวาสองค์ที่ ๑๗ พ่อหนานศรีทน ยศถามี มัคนายก วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ยังได้เล่าอีกว่า ตอนนั้นนอกจากกิ่งไม้สะหลีได้หักโค่นลงมาแล้ว ยังเกิดเหตุพระธาตุจอมทองได้หายจากผอบทองคำในมณฑปอีกด้วย ซึ่งต่อมาก็ได้เสด็จกลับมาประดิษฐานยังมณฑป หรือประสาทชมปูดังเดิม

ตำนานไม้ค้ำสะหลีก็จบแค่นี้ก่อนแล

อาจารย์ เพชร  แสนใจบาล  

๑๕ สิงหาคม ๒๕๔๙



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

152331spo6bvfq1pzpz17t.jpg



152332kewbfgvtbm9u0eku.jpg



ต้นตะเคียนทอง และรูปเจ้าแม่ตะเคียนทอง (แม่ศรีสระสตรี) ภายใน ศาลาเจ้าแม่ตะเคียนทอง วัดพระบาทหัวเสือ ค่ะ

1523304u92xxdfxky1krd1.jpg



ประวัติต้นตะเคียนทอง วัดพระบาทหัวเสือ

(แหล่งที่มา : คำบอกเล่าของพ่อหลวงดวงจันทร์ สุริยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๑๒ บ้านหัวเสือ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เรียบเรียงโดย เว็บแดนนิพพาน ดอทคอม)


“มีแม่ชีท่านหนึ่งมาจากต่างจังหวัด ได้มาทอดผ้าป่าที่วัด แล้วกลับไปฝันเห็นสตรีท่านหนึ่งบอกว่า ท่านอยากออกจากที่นี้ ให้มาขุดต้นตะเคียนออกจากดิน ซึ่งในฝันต้นตะเคียนนั้นอยู่บริเวณหน้าถ้ำ ไม่ไกลจากวัดพระบาทหัวเสือ หลังจากนั้น แม่ชีท่านก็ได้มาที่วัด พร้อมกับคณะศรัทธาชาวบ้านช่วยกันไปขุดเอาต้นตะเคียนออกมาจากบริเวณหน้าถ้ำตามความฝัน ซึ่งขุดไปประมาณครึ่งอกก็พบ แต่เอาต้นตะเคียนออกมาไม่ได้ ต้องจุดธูปอธิษฐานอัญเชิญเอาต้นตะเคียนออกมาก่อน


พออธิษฐานเสร็จก็เอาต้นตะเคียนออกมาโดยง่าย โดยใช้รถลากลากต้นตะเคียนมาที่วัด หลังจากนั้นแม่ชีและคณะศรัทธาชาวบ้านได้นำต้นตะเคียนทองไปไว้บริเวณหลังวัด ใกล้กับเขตศาลอนันตนาคราช ทันใดนั้นเจ้าแม่ตะเคียนทองก็ได้เข้าสิงร่างแม่ชี บอกว่าท่านอยู่บริเวณนี้ไม่ได้ เพราะเป็นเขตของท่านอนันตนาคราช ให้ย้ายต้นตะเคียนไปไว้บริเวณด้านหน้าวัดก่อนพระอาทิตย์ตกดิน คณะศรัทธาชาวบ้านรีบติดต่อรถลากต้นตะเคียนและได้นำต้นตะเคียนมาไว้บริเวณด้านหน้าวัดทันเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดินพอดี”


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-2 18:42 , Processed in 0.067497 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.