แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
ดู: 8458|ตอบ: 1
go

หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญาทุกคนต้องศึกษา [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

1#
มารน้อย โพสต์เมื่อ 2013-7-30 09:38 |แสดงโพสต์ทั้งหมด
ต้นฉบับโพสต์โดย NOOKFUFU2 เมื่อ 2013-5-17 00:59 ' ?4 m$ I4 e9 ?( R5 p. _, M
หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญ ...
  d6 L7 [8 G7 Y0 h$ V& T: n1 @

/ x: M: M5 x# i" Q( R2 o: gขออนุญาตแสดงความคิดเห็นครับ(จากคนปัญญาน้อยนิด ปฏิบัติก็ยังไม่ถึงไหนอภิญญาก็ยังไม่ได้) จากบทความที่ได้อ่านมีความน่าสนใจมากครับ แต่ผมอาจจะเข้าใจคลาดเคลือนอยู่  จากบทความในคำกล่าวที่ว่า "เพื่อในการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นไปอย่างก้าวหน้า นักเรียนอภิญญาทุกคนจะต้องศึกษาหลักสูตรปริยัติให้เข้าใจเสียก่อน นักปฏิบัติที่เน้นแต่ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว จะเจริญก้าวหน้าในสมาธิได้ช้ากว่า นักปฏิบัติที่ศึกษาปริยัติมาจนเข้าใจแล้ว ค่อยมาเน้นการปฏิบัติกรรมฐานทีหลัง เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ การศึกษาปริยัติเปรียบเสมือนเป็นการศึกษาแผนที่นำทาง ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ นักปฏิบัติควรทำความเข้าใจกับเส้นทางที่จะมุ่งไปเสียก่อน ควรรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดข้างทางบ้าง สิ่งใดที่จะเป็นอุสรรคขัดขวางการเดินทาง และจะต้องผ่านด่านทดสอบจิตใจอะไรบ้าง แผนที่ปริยัติถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้นักปฏิบัติรู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตนมุ่งหวัง และรู้ถึงสิ่งที่ตนจะต้องประสบล่วงหน้า รู้ที่จะเตรียมใจที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อให้ได้สำเร็จอภิญญา 5 และ 6 และบรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด (เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย หรือเส้นชัยของนักเรียนอภิญญาทุกคน)" : r2 Z# J/ b4 s+ Z5 v$ S7 A) G. s
       จากบทความดังกล่าวมาข้างต้น ผมก็ยังงงอยู่ ขออธิบายความสงสัยผมอย่างนี้ครับ ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า  หลักของการศึกษา จะมีอยู่สามระดับ คือ ปริยัติ ปฎิบัติ ปฏิเวธ   ทั้งนี้จากบทความบอกว่า ให้ศึกษาเรื่องของปริยัติ ก่อน เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 118  ๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ [๒๐๘]
6 \) X. d! O! ?7 ]4 B/ Jข้อความเบื้องต้น
+ ^8 h2 R# b- i0 s9 c0 ]" T) Y8 eพระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ
7 ]4 K* v* {1 o! Bนามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โยคา เว " เป็นต้น.9 V5 ^. l: E, ~/ R# s; P1 B
รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด
' }! d- u! C1 N, O: z: _. p5 Rดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของ
9 \- d0 i. }! r- `พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดา
6 R- L+ K7 u8 n! e. ~& o2 b+ mทรงดำริว่า " ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า ' เราจักทำการสลัดออก
: U$ ^. R9 x4 C, ~* T3 `' Aจากทุกข์แก่ตน; เราจักยังเธอให้สังเวช." 1 b& h0 P' C0 M" {- c; q4 w+ z
จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระ-
* ?/ I$ T; ~- }; u: u) _' g* J' Q) bเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า " มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณ
% g# k% k) w7 |) b1 n8 d0 w0 a# Q+ Nใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า, แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็; D; @/ C$ r. N. n
ตรัสว่า " คุณใบลานเปล่า ไปแล้ว." พระโปฐิละนั้นคิดว่า " เราย่อม
3 l: _* w9 C8 _6 q" I. Zทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา, บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. H- R$ L3 G* A8 {% G, B* r' L
ถึง ๑๘ คณะใหญ่, ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนือง ๆ0 w: I. g( _, g2 f* ?) q
ว่า ' คุณใบลานเปล่า ' พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มี
/ B! ~2 H! W9 Q( rคุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้." ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า
2 `0 L( Q1 n1 _2 y6 V$ N6 x" บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเอง
3 M6 H) A5 V; zทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุ( o" q, e, w7 W+ |3 x! R6 g
ทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนด# z% `/ W; h& Q3 W0 e' G# w
ท่านว่า " อาจารย์." พระเถระไปสิ้นสองพันโยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ
: H9 Y6 O1 c5 G( E( R) ]๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว, r4 C" L$ ], k- P
กล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม."
' s+ x! e7 j0 \5 o6 Hพระสังฆเถระ. " ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก, สิ่งอะไรชื่อว่า
0 r( e1 v" S! u# j5 k3 w" Hอันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉนท่านจึงพูดอย่างนี้ ?"
% e/ l1 Q" n& E+ l' y6 Eพระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้,
% T+ L+ t9 C6 ?ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม.0 A3 o( I, |! A$ o
วิธีขจัดมานะของพระโปฐิละ $ E8 N# ], l' R: i) L
ก็พระเถระเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งนั้น. ลำดับนั้น! S  w$ u+ z& _* q# |1 N1 P
พระมหาเถระ ส่งพระโปฐิละนั้นไปสู่สำนักพระอนุเถระ ด้วยคิดว่า2 D- @% c4 x; \: K5 ?! D. q" _$ q4 G
" ภิกษุนี้มีมานะ เพราะอาศัยการเรียนแท้." แม้พระอนุเถระนั้นก็กล่าว; M: U9 {4 ^6 P, n
กะพระโปฐิละนั้น อย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงพระเถระทั้งหมด เมื่อส่ง
) Q! w5 K( G! K0 G- |1 Cท่านไปโดยทำนองนี้ ก็ส่งไปสู่สำนักของสามเณรผู้มีอายุ ๗ ขวบ ผู้ใหม่* W2 Q9 J( ]$ a. P' Y  A) s6 F
กว่าสามเณรทั้งหมด ซึ่งนั่งทำกรรมคือการเย็บผ้าอยู่ในที่พักกลางวัน.  L- |1 C& m6 H* ~( A& e+ {2 I
พระเถระทั้งหลายนำมานะของท่านออกได้ ด้วยอุบายอย่างนี้.
+ W# I$ c7 B* _พระโปฐิละหมดมานะ1 n7 n3 F* F5 p1 q
พระโปฐิละนั้น มีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว
$ ~- K& m; s. O+ _2 Z% U7 f- |จึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า " r8 d+ ^$ o6 y" h* `; ^
" ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม."
8 _( G1 f5 W" t; a4 @สามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น, ท่านเป็น% J# R; C  _1 G# `9 [
คนแก่ เป็นพหูสูต, เหตุอะไร ๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน- U; u( N% @6 v
พระโปฐิละ. ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้,
9 J% k/ s1 Z7 k6 R! m# F" Vขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้.7 V8 _0 }/ C& G; M8 c3 Y& D+ z9 {
สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้, ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน.
# n/ [  C% x; r5 V+ ]พระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า ' จงเข้า
3 x. Q% f/ ~+ nไปสู่ไฟ,' ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว.
  T. u( P* P; T/ W2 K* oพระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร
2 x+ k6 ]1 [* qลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระ ๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะ' l1 y4 J% g  \. B! r9 w1 d
ท่านว่า " ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้."- _! p3 Y7 n) v* g" o
จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระ
- X, B0 P% a  u: q0 \# ?- aนั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า " พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้0 [* f( a- f$ B( O4 o+ g: p: _
หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น. แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้น.' Z# Z( P  e! z" Q% G7 ~0 Y& j" o
ลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า " มาเถิด
) y) |% {, D# |* d8 o8 {: Oท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำๆ เดียวเท่านั้นว่า " ท่าน
$ C! ~% l6 \9 |ผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น เหี้ย
( y0 r" J; K$ Q! X# w- t: Y* Lเข้าไปภายในโดยช่อง ๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕
8 D0 {6 H% B6 [นอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง; บรรดา
; X) H/ {8 j. z  C/ ?ทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรมนี้ไว้) h9 P4 i# Y5 G% ~% t+ Q! M
ในมโนทวาร." ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้
& d. c$ i; Y" C) iเป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น. พระโปฐิละนั้น
9 {2 ?$ u+ H. e; ~' w4 z2 i- [( ^กล่าวว่า " ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลง+ k5 j+ T9 r2 n! d3 o; _* S
ในกรชกาย๒ ปรารภสมณะธรรม.
  s5 U! I4 t0 i! o7 aทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา* w9 b( h- P* h" C5 g
พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอด2 G  N% K4 ^" i
พระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า " ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง)$ c" ~& }  v* x; \, T
ดุจแผ่นดิน ด้วยประการใดแล; การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล  T9 [6 }6 j: q9 P
ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น
$ [4 }  i: c7 M' ^: `4 aตรัสพระคาถานี้ว่า :-
9 }2 \9 v2 L0 w& t2 l๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.+ G" ?* F# I3 S0 W
" ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่งปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้7 A, f; {( `) Y5 [: S
ทาง ๒ แพร่ง แห่งความเจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้."
; Z  p. F- v1 T/ ]. {, Aจากเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดว่าผมเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือเปล่า  แม้แต่ครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์ ท่านจะโปรดใคร ท่านก็จะเลือกบุคคลที่ปฎิบัติอยู่แล้ว ส่วนปริยัต ปฎิเวธ ท่านจะมาแนะนำภายหลัง ผมก็เลยงง แม้แต่ครูบาอาจารย์ เก่าๆท่านก็จะเน้นปฏิบัติ ก่อน แทบทั้งสิ้น ต่อมาท่านก็จะมาให้เรียน ปริยัติ ปฏิเวธ ภายหลัง  แม้แต่ปู่ฤาษึลิงดำที่ก้เน้นปฎิบัติ ในความคิดผม ถ้าหากเราเรียนปริยัติก่อนเราก็จะได้แต่สัญญา (ความจำได้หมายรู้) แต่ไม่เข้าใจ  ผมอาจมีความรู้น้อยเกินไปด้วยครับ

Rank: 1

2#
มารน้อย โพสต์เมื่อ 2013-8-6 00:26 |แสดงโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับที่ให้ความกระจ่างขึ้นมากเลย ผมเข้าใจมากถึงเจตนาดี ที่อาจารย์มีต่อมนุษยชาติ ผมขอโมทนาบุญด้วยครับ ผมจะจำในสิ่งที่ อาจารย์มีเจตนาที่ดี จะตั้งใจ ใน ทาน ศีล ภาวนา สมาธิ ให้เจริญต่อไป  ขอบคุณในความเมตตาครับ
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-5-5 08:22 , Processed in 0.045999 second(s), 14 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.