- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2009-1-20
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2017-1-4
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 150
- เครดิต
- 0
- โพสต์
- 137
- สำคัญ
- 1
- UID
- 5
 
|
หลักสูตรปริบัติที่นักเรียนพลังจิต และนักเรียนอภิญญาทุกคนต้องศึกษา% ~, @& i( H7 @) @- M
' Q( W( @( I: _5 P6 b
เพื่อในการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นไปอย่างก้าวหน้า นักเรียนอภิญญาทุกคนจะต้องศึกษาหลักสูตรปริยัติให้เข้าใจเสียก่อน นักปฏิบัติที่เน้นแต่ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียว จะเจริญก้าวหน้าในสมาธิได้ช้ากว่า นักปฏิบัติที่ศึกษาปริยัติมาจนเข้าใจแล้ว ค่อยมาเน้นการปฏิบัติกรรมฐานทีหลัง เหตุที่เป็นแบบนี้เพราะ การศึกษาปริยัติเปรียบเสมือนเป็นการศึกษาแผนที่นำทาง 9 b3 p1 h: l% | a
8 g. K y" s( [
ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติ นักปฏิบัติควรทำความเข้าใจกับเส้นทางที่จะมุ่งไปเสียก่อน ควรรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดข้างทางบ้าง สิ่งใดที่จะเป็นอุสรรคขัดขวางการเดินทาง และจะต้องผ่านด่านทดสอบจิตใจอะไรบ้าง 5 A% [( }" w/ c: N
/ V! p2 t- W& s' ~( a$ Mแผนที่ปริยัติถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้นักปฏิบัติรู้เส้นทางที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตนมุ่งหวัง และรู้ถึงสิ่งที่ตนจะต้องประสบล่วงหน้า รู้ที่จะเตรียมใจที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อให้ได้สำเร็จอภิญญา 5 และ 6 และบรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด (เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย หรือเส้นชัยของนักเรียนอภิญญาทุกคน)( e8 s1 g7 M' S# a: O+ ?) n& V4 k
! W+ M7 w4 v% a) ?8 M. h- {/ P
ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธคืออะไร?1 A' ^, g8 e- y& p8 B8 z8 Z8 M
/ P- l6 u0 O1 B# K: ^ c
ศีล ๕ ประกอบด้วย7 ]5 i: X' [* I7 v5 k
๑. ไม่ฆ่าสัตว์$ X) M& m4 y8 J0 P0 M
๒. ไม่ลักทรัพย์
9 Z! P# O( h4 B b5 B- b4 z๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม (ผิดลูก เมีย สามี คู่ครอง ของผู้อื่น)0 ?/ ^: R3 a; |7 _% A/ o: {
๔. ไม่พูดโกหก
5 s4 Q; E) U9 A๕. ไม่ดื่มสุราของมึนเมา9 w# a! q3 ]3 s" N& H- s/ {
! F/ f" ~% u4 w/ R g7 b
ศีล ๘ ประกอบด้วย
: \6 }' P/ F7 O๑. : _* }. T9 i2 L+ b) N
๒.. h; G+ ~7 U8 o
๓. A" Z) \3 Z1 W4 d
๔.7 U0 M) R: y' B/ g+ `
๕.4 L- J) E+ B% q
๖.
- b' ~" w; ^7 [2 R6 a& r% [7 K: m m7 A๗.
% l% [& @8 |/ ^& b& S๘.
, G! U, r1 u( C( `+ ]4 l% ^
% C4 Y5 H( v/ c S* F/ ^( V- นิวรณ์ ๕ (เครื่องกั้นขวางความดี)
( }8 s u4 l' @( T4 _ผู้ที่สามารถเอาชนะนิวรณ์ ๕ ได้ คือผู้ที่ได้ปฐมฌานเป็นอย่างต่ำ หากขณะนั่งสมาธิ ไม่ว่าผู้ฝึกจะมีภาพร่างกายแบบไหน ง่วงมากๆ เพลียมากๆ ฟุ้งซ่านมากๆ หลังจากเริ่มนั่งสมาธิแล้ว อาการง่วง อาการโกรธ อาการฟุ้งซ่านไม่ปรากฏ นั้นถึงจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าผู้ฝึกกรรมฐาน ฝึกได้ปฐมฌานเป็นอย่างต่ำแล้ว- t5 u- L; f9 G& H0 l; ^ W, K, Z
2 Q6 t' x3 d' p( |0 fกามฉันท์ คือ ความพึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง โผฎฐัพพะ ธรรมารมณ์
% S8 K0 ?$ M1 ^+ Z1 p" zพยาบาท คือ การผูกใจเจ็บ หรือผูกอาฆาตผู้อื่น$ O# w4 Y- r2 K' J% ^1 a
ถีนมิทธะ คือ ความง่วงเหงาหาวนอน2 r% ^+ x: e1 K- i% `! U- w U
อุทธัจจะ กุกกุจจะ คือ ความฟุ้งซ่าน ความรำคาญ, p% g! h9 {1 e$ M8 F
วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ
$ a/ G: M! _8 N$ M' K+ W2 [/ ^1 d) x; {
อุปกิเลส (เครื่องที่ทำให้จิตเศร้าหมอง ๑๖ ประการ)
$ G i/ W6 z& A# Y* Bผู้ที่สนใจการปฏิบัติทางจิต หรืออบรมสมาธิ ตามแนวของพระพุทธศาสนา ควรต้องเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่จะนำมาซึ่งกิเลส หรือสิ่งที่ทำให้จิตใจตกต่ำ และเป็นเหตุทำให้5 b' ~1 k; P: K
พลังจิตถดถอย หรือขุ่นมัว ฉะนั้นผู้ที่ปฏิบัติทุกท่านควรละทิ้ง หรือห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ แล้วท่านทั้งหลายจะพบกับความสุข ความเจริญก้าวหน้า3 v) w/ i& H! V- I9 g3 h& X8 Q
๑. อภิฌาวิสมโลภะ คิดอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน9 C1 V* `+ Y6 s' F- ^4 R( l
๒. พยาบาท (โทสะ) มีใจเดือดร้อน ความอาฆาต ผูกใจเจ็บคิดร้ายแก่ผู้อื่น+ y e3 c+ t5 B X6 m
๓. โกธะ ความโกรธ อาการกำเริบพลุ่งขึ้นมาในใจ จากความไม่ชอบนั้นๆ แต่ยังไม่ถึงกับบันดาลโทสะ
) ]6 n7 F3 L. S' A๔. อุปนาหะ ความผูกใจโกรธ เพียงแต่ผูกใจไม่ยอมลืม แต่ไม่ถึงกับคิดทำร้ายเขา เพราะกำลังของกิเลสยังอ่อนกว่าความโกรธ% P' \; l) Z! S& Z1 v0 F1 V
๕. มักขะ ความลบหลู่คุณท่าน คือ ใครมีบุณคุณกับเรา แล้วไม่คำนึงถึงคุณท่าน เป็นการลบล้างหรือปิดซ่อนคุณท่าน หรือความดีของท่าน
3 s. t: A0 x; s8 W๖. ปลาสะ ความดีเสมอตัวท่าน เอาตัวเองเป็นใหญ่ แล้วไม่ย่อมให้ใครดีกว่าตน ข่มเหงรังแก
8 i* u, g1 _9 l/ v. V2 l๗. อิสสา ความริษยา เห็นใครดีกว่าก็ทนไม่ได้ เกิดความขุ่นมัวในจิต กลั่นแกล้งเขาทำให้เสื่อมเสีย. f; s3 b9 ~4 X& b n' V3 w
๘. มิจฉริยะ ความตระหนี่เกินกว่าปกติ ตระหนี่ในทรัพย์ ตระหนี่ในความรู้
7 g4 b- u: }3 T+ u. U- N4 b- x๙. มายา มารยาเจ้าเล่ห์ แสดงออกได้ทุกรูปแบบ หาความจริงไม่ได้ หรือแสดงออกให้คนอื่นหลงใหล
7 |5 i4 b3 j7 s' e) s๑๐. สาเถยยะ ความโอ้อวด หลอกหลวงเขา พูดจาเกินความจริง
6 l5 _$ D7 f/ n๑๑. ถัมภะ ความเป็นคนหัวดื้อ รั้น กระด้าง หัวแข็ง ไม่ยอมคนทั้งผิดและถูก
, `7 X+ @' ^' h3 h- K0 X๑๒. สารัมภะ ความแข่งดี ไม่ยอมลดละ มุ่งแต่จะเอาชนะฝ่ายเดียว ไม่ยอมแพ้) v! S# r4 n% U
๑๓. มานะ ความถือตัวทะนงตน5 L. V7 d& W" b( Y6 O0 `
๑๔. อติมานะ ความถือตัวว่าดียิ่งกว่าเขา ดูหมิ่น ยกตนข่มท่าน5 D1 y" g- ^6 e7 ?# X* d( y! ]% M
๑๕. มทะ ความมัวเมาในกิเลส เช่นบ้ายศ บ้าอำนาจ บ้าเงิน บ้าสมบัติ หลงยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น
5 q, h( q7 z$ m5 [, O๑๖. ปมาทะ ความประมาทเลินเลิ่น ปล่อยสติให้คล้อยไปตามอำนาจของกิเลส จนได้รับทั้งความเสียหายต่อตนเอง และผู้อื่น นักปฏิบัติทุกท่าน
3 Y& K2 i7 k! R% L$ E2 B' _- l4 yเมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ควรหลักเลี่ยงให้ห่างไกล หรือสละสลัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากกายและใจ เมื่อท่านทั้งหลายสละละทิ้งได้จริง เมื่อนั้นความสุขจะเกิดขึ้นตามความเป็นจริง5 Y% i2 A7 N$ [" ?$ \
และเป็นความสุขที่แท้จริง
R$ T3 T" k/ C/ c7 P+ r) m
( X i4 ^7 B% W. uอริยสัจ ๔ ได้แก่7 `% W. }. U6 |
๑. ทุกข์ คือ การทนได้ยาก: M3 ^& T% G2 q
๒. สมุทัย คือ เหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดทุกข์4 Y' o" _" L7 s4 Q' c6 l5 {
๓. นิโรธ คือ การปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความดับทุกข์ โดยการจะดับทุกข์ได้นั้นต้องอาศัย...
3 x, i1 L! {. R) M9 M; L* j2 H๔. มรรคปฏิปทา มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น และมีสัมมาสมาธิเป็น ปริโยสาน6 U, b$ |7 f2 s [5 z' |1 x
% u( E9 P* [! `7 Iกฏไตรลักษณ์ ๓ ข้อ คือ
8 s5 ~6 I" t8 \, S3 P$ j, I๑. อนิจัง ร่างกายและทุกอย่างในโลกไม่เที่ยง& ^7 O2 X$ H3 R( D4 v
๒. ทุกขัง ถ้าไปยึดมั่นก็เป็นทุกข์/ |# F" X, f! W% h, u
๓. อนัตตา ในที่สุดก็พัง8 s) ^; l2 ~5 K8 `* |# E, I; ?0 Q
" K4 T& l7 c5 K! w* d# K! B( r, G
" l! y4 P! h- \; V0 Z7 J) ^
สังโยชน์ ๑๐ 5 ]* A' F9 ]: z- N1 ^0 M/ _
๑.# Z: c! b5 P- U, K5 R
๒.
6 v6 X7 m: w/ T; N4 |๓.
& B5 I! V3 G6 c' S: t$ l* Q๔. 4 C/ u) |# J; B4 d
๕. 2 o. y2 n( ~' c, q b5 N4 D" [
๖.( J7 _3 G! s$ I) f y0 L
๗. ) M( [% I) i; I3 |; ]' j7 u R
๘." z4 x% E5 d# S7 S
๙.
8 K& X+ n& J! M2 F& z๑๐.
; b. a1 e$ Y$ K W
' k* |7 o4 ~' [& s; L+ z6 P! l$ uบารมี ๑๐
! Z% L& l" g. G$ ]๑.
9 T3 A# r- n0 J0 ?' J* Y% W" a๒.
! |. [* l/ k( J5 q3 z- [7 {! W๓.# R5 D4 I# h1 [) S; l3 j f
๔.3 ]6 |- Z2 e- n @4 y# y
๕.
( M! ^& J: S. ^4 o7 ^ k* Z๖.8 ~# {& Z1 d( x0 O
๗.
# w' P. J; b1 E6 ^! M๘.2 r! R4 g' m" P4 I4 }
๙.4 V; }# G2 q# k7 p- }
๑๐.
+ ~% _" d4 I, g8 x& q) Z7 p2 F, |: a0 Z4 M' B4 Y0 e
สังขาร ๓ ได้แก่
# s' q# m: G$ b9 W
8 e+ J. _/ {( t8 T8 k
9 J2 E n% a. V$ W" x% i n
& W" D3 S! n5 N; b
- S" W( z8 V# [. `กรรมฐาน ๔๐ กอง แบ่งเป็น ๗ กลุ่มประกอบด้วย
. x; j- ~' m! H# D; `3 p- หมวดกสิน ๑๐ (๑-๑๐) R% B- ~- b: e& W" D' C6 e2 c, S
- หมวดอสุภกรรมฐาน (๑๑ - ๒๐) e2 n8 q7 |7 o8 l
- หมวดอนุสสติกัมมัฏฐาน ๑๐ (๒๑ - ๓๑)1 V7 J! Z# t I0 i/ |
- หมวดจตุธาตุววัฏฐาน (๓๒)7 f u* I6 e9 r& L4 x
- พรหมวิหาร ๔ (๓๓ - ๓๖)
1 _! t n0 ^# y# b% h, D( p% |- หมวดอรูปฌาน ๔ (๓๗ - ๔๐)
4 j1 c2 l1 a. k: a1 {. Q! n: o% R6 ]! P* a8 @
กามคุณทั้ง ๕ ได้แก่9 \, L; \* G( D; o" f' K
๑.
4 k- B) C% k% _๒.
7 G( Y: P! e; `3 e' c1 a5 y๓.2 k: Q9 x2 Y, v3 p+ @# {/ M' T9 b
๔.2 _$ R" t" }7 Y4 E% G0 [3 H
๕.
& i! a9 Z2 | @6 P% z1 p1 q2 b0 F3 W+ O) Z) ?" [4 a
กรรมฐาน ๔๐ กอง แบ่งเป็น ๔ หมวดได้แก่6 @# e- a6 \. ]0 O% P3 A8 b, l
๑. สุกขวิปัสสโก8 j o" _) G6 W! B/ L
๒. เตวิชโช) k- n( Y4 O# D6 f, n' o$ L: `5 P
๓. อภิญญาหก2 S0 ^! u8 R$ k. `7 j- h2 K0 J
๔. ปฏิสัมภิทาญาณ
; f* W9 K- H( }3 J: e, n
1 t* Z' V ]7 K9 Z5 x4 J8 Sภวังค์ ๓ หรือสมาธิขั้นต้น ได้แก่
/ e8 }1 ~3 L; ~0 s" l๑.; G4 w6 k8 j/ n* i }; @. o
๒.
' @- \/ H* }$ T๓.
3 P) ^' N* |2 h
; q$ G* _& l% j+ M# n1 Hรูปฌาน ๔ ได้แก่
& P w, S) o: n6 u; O: I' U$ [" u1 ~5 \๑. . b+ P: H* o" l. P
๒.. N) V+ `/ a [4 y6 Q; O1 R# K
๓.
- z! M4 X X1 n7 |# \8 }3 T. E๔.
& N4 Z7 H4 b1 S7 m6 Q0 J. B) ]" U, g0 J& K
อรูปฌาน ๔ ได้แก่* R% W9 c* N. ~! B, Q
๑. W' V- Z, q0 h% O/ I. x
๒.
3 P5 a2 P- s" v/ f๓.( m) |" a1 o. G
๔." N/ p2 U5 I- q. Q
- R- l; _" R& T; [* w) g9 cพิจารณาธาตุ ๔ ในร่างกายมนุษย์ อันได้แก่
' n- ]5 Y0 h" U( K) P๑. ธาตุไฟ ๔
" F# h; \( N* X. b5 d๒. ธาตุลม ๖
& X# I* J& m$ H; Q; z: ~๓. ธาตุน้ำ ๑๒/ ]# y0 |' u2 h, p1 w7 k Y
๔. ธาตุดิน ๒๐ + O0 i" w# y4 E7 n! F
0 y5 I, \. L" @1 S4 L
ขันธ์ ๕ ได้แก่
0 f; r0 l& [9 h6 ~/ O
& G/ Z' I! F L% Y+ O |
|