แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดพระพุทธบาทตากผ้า ม.๖ ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

059.jpg



IMG_6957.JPG



หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_6991.JPG



ประวัติหอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ใช้สำหรับสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทางวัดจัดให้มีการสรงน้ำขึ้นเป็นประจำทุกปี ในงานประเพณีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุประจำปี ซึ่งตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ซึ่งอยู่ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี

หอสรงน้ำนี้ เป็นทรงไทยรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคายอดมณฑป สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีแท่นสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาในงานประเพณีสรงน้ำในวันอัฐมีบูชาของทุกปี หอสรงน้ำนี้ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภายหลังมีการสร้างอนุสาวรีย์ท่านครูบา
พรหมา พฺรหฺมจกฺโก (พระสุพรหมยานเถร) เพื่อเป็นอนุสรณ์ด้วย



IMG_6963.JPG



อนุสาวรีย์พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ประดิษฐานด้านหน้าหอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6970.JPG



IMG_6972.JPG



อนุสาวรีย์พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6977.JPG



060.jpg



วิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_6981.JPG



ประวัติวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


วิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน สร้างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์


ซึ่งพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์นี้ คุณสิทธิ ศิลปวานิช พร้อมครอบครัว เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย ทำพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑ ในการก่อสร้างพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คุณอรุณี สิรินทะสมบัติ พร้อมครอบครัว ญาติพี่น้อง เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา


IMG_6985.JPG



IMG_6987.JPG



IMG_6994.JPG



IMG_6997.JPG



รูปท้าวมหาราชทั้ง ๔ (ท้าวจตุโลกบาล) ประดับบันไดทางขึ้นหน้าวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7003.JPG



ภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_7005.JPG



IMG_7020.JPG



พระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7021.JPG



ประวัติการสร้างพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลือง ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยทรงเครื่องแบบกษัตริย์ ประดับอัญมณีมีค่า หน้าตักกว้าง ๑.๙๕ เมตร สูง ๒.๕๙ เมตร จำนวน ๕ องค์

พร้อมทั้งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ และองค์รวมอีก ๑ องค์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะเช่นเดียวกัน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ มาบรรจุในองค์รวมนี้ด้วย

ภัทรกัป แปลว่า กัปที่เจริญ หมายถึงว่า เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ ได้แก่
๑. พระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
๔. พระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า
๕. พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า

ในจำนวน ๕ พระองค์นี้ ได้ลงมาจุติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์แล้ว ปัจจุบันเป็นยุคศาสนาของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อไปจะเป็นยุคศาสนาของ
พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า จะลงมาจุติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลอนาคตข้างหน้าสืบต่อไป


IMG_7011.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดากกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7012.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7015.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดากัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7017.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาโคตมะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ หรือองค์ปัจจุบัน) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7019.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาศรีอริยะเมตไตรยะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ หรือองค์อนาคตข้างหน้า) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7042.JPG



IMG_7070.JPG



IMG_7057.JPG



066.jpg



IMG_7053.JPG



รอยตากผ้าจีวรองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้รับสั่งให้พระอานนท์ พระภิกษุผู้อุปัฏฐาก นำจีวรของพระพุทธองค์ไปตากผึ่งให้แห้งบนลานหิน จนปรากเป็นรอยตากผ้ามาจนถึงปัจจุบัน

รอยที่ปรากฏอยู่บนแผ่นศิลาแลงขนาดใหญ่ มีความกว้าง ๒.๙๗ เมตร ยาว ๔.๒๓ เมตร รอบรอยตากผ้าได้ทำฐานด้วยศิลาแลง ขนาด ๐.๓๐ x ๓.๓๐ เมตร มีความสูง ๐.๓๗ เมตร ตั้งใบเสมาที่ทำด้วยศิลาแลงไว้บนฐานโดยรอบจำนวน ๓๓ ใบ


IMG_7043.1.jpg



IMG_7036.JPG



ตำนานรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดเวไนยสัตว์มายังดินแดนสุวรรณภูมิ จนกระทั่งเสด็จมายังดินแดนล้านนา ขณะที่พระองค์เสด็จผ่านแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำปิง และแม่น้ำกวง รับสั่งให้พระอานนท์นำจีวรไปซักในแม่น้ำ


จากนั้นเสด็จมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณผาลาดแห่งนี้ แล้วทรงหยุดรับสั่งให้พระอานนท์นำจีวรไปตากบนแผ่นศิลาแลงขนาดใหญ่บนผาลาดใกล้ๆ บริเวณที่ประทับ ซึ่งปรากฏเป็นรูปรอยตารางขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายๆ รอยตากผ้าจีวรบนแผ่นศิลาขึ้นปรากฏถึงปัจจุบัน และภายหลังสถานที่แห่งนี้จึงมีนามปรากฏว่า วัดพระพุทธบาทตากผ้า

ลักษณะของรอยตากผ้าจีวร เป็นรูปตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้า คล้ายกับรอยคันนา (ผืนนา) ของชาวมคธอินเดีย ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จผ่านเมืองราชคฤห์ ทรงทอดพระเนตรเห็นคันนาของชาวมคธ จึงตรัสกับพระอานนท์ว่า

“ดูกรอานนท์ เธอสามารถที่จะทำจีวร ให้เหมือนกับคันนาของชาวมคธได้หรือไม่?” พระอานนท์จึงรับพระพุทธดำรัสมาดำเนินการ และได้ออกแบบตรงตามพุทธประสงค์ จึงทำให้เกิดเป็นแบบของจีวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนปัจจุบันพระสงฆ์ก็ยังใช้จีวรที่ออกแบบโดยพระอานนท์เป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี


--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายตำนานรอยตากผ้า ภายในวัดพระพุทธบาทตากผ้า และนาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์, หน้า ๒๑๗-๒๑๙.)


IMG_7056.JPG



ป้ายตำนานรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7061.JPG



คำไหว้รอยตากผ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ท่อง ๓ จบ)
        
อิมัสมิง เทวะมะนุสสานัง สัตถุโน ภะคะวะโต ปะริโภคะเจติยัง อะหัง วันทามิ สิระสาฯ นิพพานะปัจจะโย โหตุฯ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7072.JPG



หอพระ ตั้งอยู่บริเวณรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7077.1.jpg



พระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐานภายในหอพระ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7045.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ ประดิษฐานอยู่บริเวณรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5422.JPG



IMG_7080.JPG



IMG_5423.JPG



IMG_5433.JPG



พระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5430.JPG



ประวัติพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวิหารจตุรมุข เป็นอาคารทรงไทย สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามีสองชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบทอง พื้นปูด้วยไม้ปาเก้ ฝาผนังเป็นศิลาแลงโบกด้วยปูน ประตูและหน้าต่างเป็นบานไม้แกะสลักลายไทย ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม หน้าต่างประตูพระอุโบสถ มีทั้งหมด ๑๒ ช่อง บนซุ้มหน้าต่างประดับลวดลายด้วยรูป ๑๒ นักษัตร ฝีมือประณีตบรรจงมาก

ด้านในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชมงคลบพิตรปางมารวิชัย สถิตอยู่ซุ้มเรือนแก้วอันงดงาม พุทธลักษณะสร้างเลียนแบบพระพุทธชินราช มีอัครสาวก คือ พระมหาโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ประนมมืออยู่เบื้องซ้ายและขวาของพระพุทธรูป

พระอุโบสถหลังใหม่นี้ บูรณะซ่อมแซมจากหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาและได้รับพระราชทานเมื่อ วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ กำหนดเขตกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๓๐ เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาตัดลูกนิมิตประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถเมื่อ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙



IMG_5421.JPG



IMG_7082.JPG



โรงเรียนพระปริยัติธรรม สำนักศาสนศึกษาวัดพระพุทธบาทตากผ้า (แผนกบาลี-ธรรม) และโรงเรียนพรหมจักรสังวร (แผนกสามัญศึกษา ม.๑-ม.๖) กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6988.JPG



ศาลาครอบถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6978.JPG



IMG_7023.JPG



ถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7024.JPG



ประวัติถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ถ้ำฤาษี ตั้งอยู่กลางลานของวัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นถ้ำขนาดเล็ก ที่เกิดจากการขุดเจาะเอาศิลาแลง เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างกำแพง อุโบสถ วิหาร และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด จนเกิดเป็นถ้ำขนาดเล็ก มีบันไดทอดลงไปภายในถ้ำ

ด้านในถ้ำ มีรูปปั้นพระฤาษีตั้งอยู่ไว้ เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาและขอพรแก่ประชาชนทั่วไป และมีช่องสำหรับลอดเข้าไปแล้ววนกลับมาที่เดิมได้

ส่วนด้านบนของถ้ำ ทางวัดได้สร้างศาลาขนาดเล็กครอบเอาไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแดดและฝน



IMG_7027.JPG



IMG_7029.JPG



รูปปั้นพระฤาษี ภายในถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_7033.JPG



IMG_7035.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ ประดิษฐานอยู่บริเวณถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7087.JPG



พิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7090.JPG



ประวัติพิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นอาคารก่อด้วยปูนเสริมใยเหล็ก ใช้สำหรับจัดเก็บวัตถุสิ่งของเก่าแก่ของวัด ทั้งถ้วยโถ ชาม หม้อต่างๆ อาวุธเก่าๆ แจกัน พระเครื่องต่างๆ

รวมทั้งใช้เก็บสิ่งของของท่านครูบาพรหมา เช่น อัฏฐบริขาร ได้แก่ บาตร จีวร อังสะ สังฆาฏิ หมวก รวมทั้งสมุดบันทึกกิจวัตรประจำวันของท่านครูบา สมุดบันทึกคำสอนของท่านครูบา เป็นต้น พิพิธภัณฑ์นี้ปัจจุบันไม่ได้มีการเปิดให้เข้าชมแล้ว  


IMG_7099.JPG



รอยพระบาทและรอยเท้าพระอรหันต์ ประดิษฐานอยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_7124.JPG



IMG_7127.JPG



รอยพระบาท ประดิษฐานอยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7093.JPG



069.jpg



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ ประดิษฐานอยู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7092.JPG



หอระฆัง-หอกลอง วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7095.JPG



ฆ้องใหญ่ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

073.jpg



IMG_7105.JPG



IMG_7103.JPG



ต้นบุนนาค (สถานที่ปฏิบัติธรรมครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า

เป็นต้นไม้คู่บารมีของพระครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ใต้ต้นไม้นี้ท่านพระครูบาเจ้าได้เคยนั่งปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกรรมฐาน สั่งสอนธรรมแก่พระภิกษุ สามเณร และอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย


IMG_7108.JPG



ประวัติต้นบุนนาค วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ต้นบุนนาค วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นสถานที่สำหรับนั่งประพฤติปฏิบัติธรรมของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก และพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ภายในวัด เป็นประจำทุกวัน เวลา ๐๔.๐๐ น. และประมาณเวลา ๑๒.๐๐ น. - ๑๘.๐๐ น. ซึ่งท่านครูบาใช้ลานบุนนาคนี้ เป็นที่สอนกรรมฐานแก่พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตลอดระยะเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันถึงแม้ท่านครูบาได้มรณภาพไปแล้ว ลานบุนนาคนี้ก็ยังคงใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ภายในวัด เป็นประจำทุกวันเหมือนเช่นเคย

บุนนาคต้นนี้ เป็นต้นไม้ที่เป็นประหนึ่งว่ามีชีวิตจิตใจ เพราะแม้ว่าพื้นดินของวัดพระพุทธบาทตากผ้า จะเป็นหินศิลาแลงเป็นส่วนมาก หาที่เป็นดินที่เหมาะแก่การปลูกต้นไม้นั้นมีน้อย ยิ่งลานปฏิบัติธรรม สถานที่ปลูกต้นบุนนาค ก็ยิ่งมีหินศิลาแลงปรากฏอยู่โดยทั่วไป ยิ่งไม่น่าเชื่อว่า บุนนาคต้นนี้จะสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้ และสามารถชูกิ่งก้านสาขาไปโดยรอบ ให้ความร่มเย็นแก่ผู้ปฏิบัติธรรม ตามที่ท่านครูบาได้ตั้งใจไว้จนถึงปัจจุบัน

บุนนาคนี้ เป็นต้นไม้มงคลเพียงต้นเดียวที่มีความสำคัญยิ่งต่อท่านครูบา อาจกล่าวได้ว่า เป็นต้นไม้คู่บารมีของท่านครูบามาตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่ท่านครูบาได้รับอาราธนาจากคณะสงฆ์และศรัทธาญาติโยมมาประจำอยู่ที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ท่านครูบาได้อธิษฐานปลูกไว้หน้ากุฏิที่พักอาศัย เมื่อแรกเริ่มมาอยู่วัดพระพุทธบาทตากผ้า จุดมุ่งหมายที่สำคัญก็เพื่อให้ความร่มเย็นป้องกันความร้อนให้แก่ผู้ที่มาประพฤติปฏิบัติธรรม มีความร่มรื่นเย็นสบาย มีความสัปปายะทั้งกลางวันและกลางคืน และได้ทำหน้าที่ปกป้องพระภิกษุ สามเณร ศรัทธาญาติโยมผู้มาประพฤติปฏิบัติธรรม ได้รับความสะดวกสบายร่มเย็นเป็นสุขตลอดระยะเวลาอันยาวนานหลายสิบปี

ต้นบุนนาคที่ปลูกไว้ก็เจริญเติบโตทอดกิ่งก้านสาขา มีใบเขียวสดงดงาม ออกดอกถูกต้องตามฤดูกาล และได้เหี่ยวเฉาลงกะทันหันอย่างน่าใจหาย เมื่อท่านครูบาได้ถึงแก่มรณภาพลง ประหนึ่งว่าจะเหี่ยวเฉายืนต้นตายตามท่านครูบาไป พระภิกษุสามเณรและญาติโยม ได้ช่วยกันดูแลรักษาเป็นอย่างดี ได้ตั้งใจอธิษฐานให้สามารถฟื้นกลับมาเขียวขจีเหมือนอย่างเดิม อาจกล่าวได้ว่า บุนนาคต้นนี้ เป็นต้นไม้ที่ทำให้เกิดการอนุสรณ์ถึงท่านครูบา เป็นทั้งสัญลักษณ์และจุดรวมใจในการประพฤติปฏิบัติธรรมของคณะศิษยานุศิษย์ ตลอดถึงญาติโยมสาธุชนทั่วไป เมื่อเดินผ่านทุกครั้ง มีความรู้สึกว่าท่านครูบายังคงนั่งปฏิบัติธรรมภายใต้ต้นไม้ต้นนี้อยู่เป็นประจำ ทำให้เกิดแรงศรัทธาปสาทะ เพื่อดำเนินรอยตามปฏิปทาของท่านครูบา


IMG_7104.JPG



รูปหล่อเหมือนพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ประดิษฐานใต้ต้นบุนนาค วัดพระพุทธบาทตากผ้า



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

075.jpg



กุฏิหุ่นขี้ผึ้งครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7114.JPG



ประวัติกุฏิหุ่นขี้ผึ้งครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า


กุฏิหุ่นขี้ผึ้งครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า เดิมนั้นเป็นกุฏิที่พักของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งของท่านครูบาพรหมา และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงพระธาตุของพระสาวกของพระพุทธเจ้า


IMG_7119.JPG



071.jpg



ภายในกุฏิหุ่นขี้ผึ้งครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงพระธาตุของพระสาวกของพระพุทธเจ้า และรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งของพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า รูปที่ ๑


(หมายเหตุ : กรุณาอย่าขึ้นบนแท่นนี้ และโปรดรักษามารยาทที่ดี)



IMG_7123.JPG



รูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งของพระสุพรหมยานเถร (
ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ประดิษฐานภายในกุฏิหุ่นขี้ผึ้งครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7118.JPG



ประวัติหุ่นขี้ผึ้งครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า


หุ่นขี้ผึ้งของครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก (พระสุพรหมยานเถร) วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นหุ่นที่ปั้นเท่าองค์จริง ประดิษฐานไว้กลางกุฏิไม้สักหลังใหม่ แต่เดิมเป็นอาคารที่คณะศิษย์ได้สร้างถวายท่านครูบา เพื่อใช้เป็นกุฏิเจ้าอาวาส ท่านครูบาจะพักอยู่ห้องเล็กๆ ทางด้านหลัง และด้านหน้าเป็นที่รับแขกที่ไปขอเข้าพบ เมื่อท่านครูบาได้ถึงแก่มรณภาพลง คณะศิษย์จึงได้สร้างรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้งเท่าองค์จริงท่านครูบาตั้งไว้แทน

ความคุ้นเคยที่พบเห็นเป็นประจำก็คือว่า ผู้ที่มุ่งมาสู่วัดพระพุทธบาทตากผ้านั้น มาเพื่อกราบนมัสการปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ขอเข้าปฏิบัติกรรมฐาน และเพื่อศึกษาเล่าเรียน สิ่งหนึ่งที่เป็นความตั้งใจก็คือ การได้มาพบและสนทนาธรรมกับท่านครูบา ปกติแล้วท่านครูบาจะมารับแขกที่ด้านหน้ากุฏิ บางครั้งท่านรับแขกตั้งแต่เช้าถึงเย็น จะขอโอกาสก็เฉพาะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามกิจวัตรประจำวัน ก็คือการปฏิบัติธรรมด้านหน้ากุฏิใต้ต้นบุนนาค เวลาทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็น


บางครั้งท่านครูบารับแขกตลอดวัน ญาติโยมมาขอเข้าพบติดๆ กัน ท่านครูบาเกิดอาการเมื่อยล้าตามอายุสังขาร แต่ก็ต้องใช้ความอดทน เพราะท่านครูบาเห็นว่ากว่าญาติโยมจะมาถึงวัดพระพุทธบาทตากผ้าก็แสนลำบาก เมื่อตั้งใจมาแล้วก็สมควรจะได้พบและได้รับฟังโอวาทคำสอนเกี่ยวกับเรื่องศีลธรรมกัมมัฏฐาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้าพบ

บางครั้งท่านครูบารับแขกถึงกับจะเป็นลมก็มี แต่ก็ต้องใช้ความอดทนเพื่อรักษาศรัทธาของผู้ที่พบเห็น ท่านครูบาเห็นว่าญาติโยมที่มาเยี่ยมวัดจะต้องจัดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ต้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อท่านครูบาได้ถึงแก่มรณภาพลงแล้ว ความคุ้นเคยที่ว่ากุฏิไม้สักแห่งนี้ เป็นที่เคยรับแขกเป็นประจำของท่านครูบา


แม้เมื่อท่านครูบาจากไปแล้ว คณะศิษย์และญาติโยมก็ยังเวียนไปที่กุฏิไม้สักนี้มิได้ขาด ทำเสมือนว่าท่านครูบายังมีชีวิตอยู่ ด้วยเหตุนี้ คณะศิษย์จึงได้สร้างหุ่นขี้ผึ้งเท่าองค์จริงขึ้น เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๗ นำมาตั้งประดิษฐานไว้ด้านหน้ากุฏิ ตรงที่ท่านครูบาเคยนั่งรับแขกเป็นประจำ



IMG_7121.JPG



คำสอนครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก

วัดพระพุทธบาทตากผ้า


“ จิตของเรานี้เป็นใหญ่อยู่ในตัวของเรา

เป็นสิ่งสำคัญ เป็นหัวหน้า


คนเรานี้ถ้าใจดี กายวาจาก็จะพลอยดีไปตามกัน

ถ้าจิตใจไม่ดี กายวาจาก็จะพลอยไม่ดีไปด้วย

จงจำไว้ว่า ใจเป็นสิ่งสำคัญ


ศีล สมาธิ ปัญญา จะตั้งอยู่มั่นก็ต้องอาศัย

มูลฐานอันสำคัญ คือ จิต ”



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7107.JPG



IMG_7112.JPG



กุฏิหลวงพ่อตะเคียนทอง วัดพระพุทธบาทตากผ้า

กุฏิหลังนี้เคยเป็นที่พักของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก มานานหลายปี ก่อนจะย้ายไปพักที่กุฏิไม้หลังใหม่ เนื่องจากถูกปล่อยร้างไว้ ภายหลังจึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซม และทำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งแกะสลักจากไม้ตะเคียนทอง อายุประมาณ ๑,๐๐๐ ปี


IMG_7111.JPG



077.jpg



076.jpg



หลวงพ่อตะเคียนทอง หรือสมเด็จพระพุทธสิทธิเทพมุนีศรีบุญฤทธิ์ ประดิษฐานภายในกุฏิหลวงพ่อตะเคียนทอง วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระพุทธรูปองค์นี้ สร้างจากไม้ตะเคียนทอง อายุประมาณ ๑,๐๐๐ ปี บูชาด้วยน้ำมันจันทร์ น้ำมันหอม ดอกไม้หอม ดอกไม้มงคลต่างๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง และครอบครัว


IMG_7110.JPG



ประวัติหลวงพ่อตะเคียนทอง วัดพระพุทธบาทตากผ้า


หลวงพ่อตะเคียนทอง หรือ สมเด็จพระพุทธสิทธิเทพมุนีศรีบุญฤทธิ์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทองที่มีอายุนับพันปี หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๙๐ เมตร เป็นพระปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย สร้างเสร็จเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๗ หลวงพ่อตะเคียนทององค์นี้ มีพุทธลักษณะที่พิเศษกว่าองค์อื่นๆ ที่สร้างจากไม้ตะเคียนทองต้นเดียวกัน คือ มีตาไม้ตรงกับพระเนตรทั้ง ๒ ข้างขององค์พระ เป็นที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง มีพุทธลักษณะสง่างาม

ไม้ตะเคียนทองต้นนี้ มีอายุนับพันปี ชาวบ้านเล่าว่า เคยถูกฟ้าผ่า และถูกไฟเผามาแล้ว ยืนต้นอยู่ที่ใกล้วัดน้ำอินทร์ อ.ลอง จ.แพร่ คราวหนึ่งได้มีพระธุดงค์ได้พบคุณสิทธิ ศิลปวานิช และได้เล่าเรื่องไม้ตะเคียนทองต้นนี้ให้ฟัง และแนะนำว่าควรที่จะนำมาแกะเป็นพระ ปกติคุณสิทธิเป็นผู้ที่สร้างพระที่หล่อด้วยทองเหลือง เพราะทำง่ายและใช้เวลาไม่นานนัก แต่พอได้รับคำแนะนำจากพระธุดงค์ จึงมีความสนใจ และได้เดินทางไปดูต้นตะเคียนทองดังกล่าว

ครั้งแรก ได้ทำการบวงสรวงอธิษฐานขอให้ได้สำเร็จดังประสงค์ ได้บอกแก่ชาวบ้านว่า จะนำมาสร้างเป็นพระพุทธรูปไม้ตะเคียนทอง แต่การเจรจาไม่ตกลงกัน ครั้งที่ ๒ ได้ทำการบวงสรวงอีก และได้ไปเจรจากับชาวบ้าน เป็นอันตกลงว่าให้ทำบุญกับทางวัด เพื่อนำปัจจัยไปสร้างศาลา จึงจะสามารถนำไม้ตะเคียนทองไปได้ เป็นอันว่าได้ไม้ตะเคียนทองมาสมความปรารถนา ก่อนนำขึ้นรถ เพื่อนำไปแกะสลักเป็นองค์พระที่จังหวัดลำพูน ก็ได้บวงสรวงอีกครั้งหนึ่ง การขนย้ายไม่ได้มีอุปสรรคแต่ประการใด

ต้นแบบการสร้างองค์พระ พุทธลักษณะขององค์พระได้ผสมผสานจากต้นแบบพระพุทธรูปหลายแห่งด้วยกัน คือ เศียรและพระพักตร์ได้แบบมาจากเศียรของพระเก่า สมัยสุโขทัย ลักษณะลำตัวขององค์พระ ได้แบบมาจากพระสุโขทัยไตรมิตร นิ้วพระบาท ได้แบบมาจากหลวงพ่อเป่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดสุโขทัย นอกนั้นช่างได้ออกแบบเพิ่มเติม

เริ่มแรกได้ทำการแกะเป็นองค์พระจำลองก่อน แต่ก็ไม่ได้พุทธลักษณะ การสร้างองค์พระจำลองก็ไม่สำเร็จ ใช้ไม่ได้ ทำให้ช่างเกิดความไม่มั่นใจ คุณสิทธิจึงได้ทำพิธีบวงสรวงอีกครั้ง และถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์ ๖๕๐ รูป และได้เริ่มทำการแกะองค์พระใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นและความอุตสาหะของช่าง จึงทำให้การแกะสลักสำเร็จลงได้อย่างสวยงามถึง ๙ องค์ ใช้เวลาถึง ๑ ปีเต็ม เมื่อทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดศิริเขต จังหวัดสุโขทัย และภายหลังได้มีผู้มาอัญเชิญไปประดิษฐานตามวัดต่างๆ ๙ แห่ง หนึ่งในนั้นคือ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูน แห่งนี้

สำหรับผู้ที่ไม่ได้องค์พระ เพราะจำนวนจำกัด คุณสิทธิจึงได้นำไม้ที่เหลือมาสร้างเป็น หลวงพ่อโต หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อพุทธโสธร และหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งทั้ง ๔ องค์ มีขนาดเล็กกว่า และได้ทำเป็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก มีทั้งพระยืนและพระนั่งสมาธิ หน้าตักกว้าง ๙ นิ้วบ้าง ๕ นิ้วบ้าง ได้ถวายไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก



IMG_7106.JPG



สถานีวิทยุพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสังคม จังหวัดลำพูน FM.106 MHz วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7129.JPG



หลังจากนั้นเราจะเดินไปกราบนมัสการรอยเท้าครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหลังวัดพระพุทธบาทตากผ้า กันต่อเลยนะคะ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7134.JPG



วิหารพระพุทธรูป มณฑปครอบรอยเท้าครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก และพรหมวิหาร (เรียงจากซ้ายมือ-ขวามือ) วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7135.JPG



พระพุทธรูป และรูปเหมือนพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธรูป วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7136.JPG



มณฑปครอบรอยเท้าพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) วัดพระพุทธบาทตากผ้า

มณฑปนี้ คุณพรหมวิชิต-คุณนงลักษณ์ สุจีรพงศ์สิน พร้อมครอบครัว สร้างถวายแก่วัด เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒



IMG_7137.JPG



ภาพถ่ายรอยเท้าพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ภายในมณฑปครอบรอยเท้าครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า


จัดทำถวายโดย คุณพรหมวิชิต (วิเชียร) สุจีรพงศ์สิน   



079.jpg



รอยเท้าพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก)ประดิษฐานภายในมณฑปครอบรอยเท้าครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7139.JPG



IMG_7141.JPG



รอยเท้าพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก)วัดพระพุทธบาทตากผ้า  

เป็นรอยเท้ามีขนาดเท่ารอยเท้าจริงของท่านครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก กว้างประมาณ ๙ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๙ เซนติเมตร ได้ปรากฏรอยเท้าของท่านอยู่บนแผ่นหินบริเวณที่เดินจงกรม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิบำเพ็ญกรรมฐาน และเดินจงกรมของท่านพระครูบาเจ้า


IMG_7144.JPG



คำนมัสการรอยพระบาท
(ว่านะโม ๓ จบ) สาธุ สาธุ สาธุ อะหังนะมามิ พระอะระหันต๋าเถระ บาทะ วะรัง สิระสา นะมามิ


080.jpg



ประวัติรอยเท้าครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า


วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นวัดที่จัดให้มีกิจกรรมหลายอย่างในรอบปีหนึ่งๆ งานทำบุญวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของท่านครูบา วันที่ ๓๐ สิงหาคม ของทุกปี ก็เป็นงานบุญอย่างหนึ่งที่ญาติโยมคณะศิษยานุศิษย์ทุกรูปทุกคนตั้งใจรอคอย เพราะว่าเป็นงานที่แสดงถึงความเคารพนับถือความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อท่านครูบา


เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ ก่อนที่จะถึงวันเกิดของท่านครูบา ญาติโยมและคณะศิษยานุศิษย์ได้มาประชุมพร้อมกัน เพื่อเตรียมการจัดงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดของท่านครูบาเหมือนทุกปี ในที่ประชุมก็ปรารภว่า ปีนี้ขอจัดงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดของท่านครูบาให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆ ปี จะนิมนต์พระสงฆ์จากที่ต่างๆ ให้มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เมื่อปรึกษาหารือเป็นการยุติแล้ว จึงได้ไปกราบเรียนครูบาตามที่ได้ปรึกษาหารือกันไว้แล้วนั้น

ท่านครูบาได้กล่าวเพียงว่า "ปีนี้ขอจัดงานวันเกิดเป็นกรณีพิเศษ" ทุกฝ่ายที่ได้รับฟังรู้สึกดีใจกันทุกรูปทุกคนว่า ท่านครูบาจะได้จัดงานทำบุญในปีนี้อย่างยิ่งใหญ่ จัดเป็นพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมาตามที่ได้กราบเรียนท่านไว้แล้ว แต่ท่านครูบาได้บอกว่า "ปีนี้ไม่ต้องจัดอะไรทั้งนั้น จะขอเข้าปฏิบัติกัมมัฏฐาน ๗ วัน ขอสามเณรมาอุปัฏฐากดูแลก็พอแล้ว" เป็นอันว่าปีนี้ไม่ได้จัดงานอะไรที่เป็นการทำบุญเหมือนเช่นทุกปี เพียงแต่ท่านครูบาได้เข้าปฏิบัติกัมมัฏฐาน ๗ วัน ตามที่ได้ตั้งใจไว้ ส่วนญาติโยมและคณะศิษยานุศิษย์ก็ได้ปฏิบัติกัมมัฏฐานในวันคล้ายวันเกิดถวายท่านครูบาเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา

การปฏิบัติธรรมของท่านครูบาผ่านไป ๗ วัน ปกติท่านครูบาจะฉันภัตตาหารมื้อเดียว มีสามเณรจัดภัตตาหารไปถวายทุกวัน แต่ว่าอาหารที่จัดไว้นั้นไม่พร่องลงไปแม้แต่น้อย อันแสดงถึงว่าท่านครูบามิได้ฉันอะไรเลยตลอดระยะเวลา ๗ วัน ที่เข้าปฏิบัติกัมมัฏฐาน เมื่อครบ ๗ วันแล้ว ท่านครูบาได้ออกจากกัมมัฏฐาน ในเวลาตะวันบ่ายคล้อยแล้ว ท่านบอกลูกศิษย์ที่เฝ้าอุปัฏฐากว่ารู้สึกหิว ขอน้ำดื่มสักหน่อย พอค่อยมีแรงบ้างแล้ว ท่านก็บอกลูกศิษย์ที่เฝ้าอุปัฏฐากอยู่หลายรูปว่า "ให้มาดูรอยเท้าที่ปรากฏนี้"

ลูกศิษย์ก็สงสัยทำไมอยู่ๆ รอยเท้าก็ปรากฏอยู่บนศิลาแลงเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จึงได้ขอร้องให้ท่านครูบาทาบเท้าของท่านลงบนรอยเท้านั้น ปรากฏว่าพอดีกับรอยเท้าของท่านครูบา ลูกศิษย์จึงเข้าใจว่า ๗ วัน ของการเข้ากัมมัฏฐาน เป็นความตั้งใจมั่นของท่านครูบา อธิษฐานประทับรอยเท้าลงบนศิลาแลง เพื่อให้ปรากฏเป็นอนุสรณ์แก่ชนรุ่นหลัง

จึงกราบเรียนถามท่านครูบาว่า เป็นรอยเท้าของท่านครูบาที่ได้เหยียบและอธิษฐานไว้หรือ? ท่านครูบาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย เป็นอันเข้าใจว่า เป็นรอยเท้าที่ท่านครูบาได้ประทับไว้ในคราวที่เข้ากัมมัฏฐาน เนื่องในวันเกิดประจำปีนี้ (พ.ศ.๒๕๑๘)


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2025-12-15 02:13 , Processed in 0.107232 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.