แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

โอวาทพระสุปฏิปันโน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

61#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๐

หลวงพ่ออุตตมะ

(พระราชอุดมมงคล)

วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

L47.png



...น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า...

ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว...อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง


...เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญาจึงไม่ควรให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง...ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้นเฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้นๆ ใครจะพึงรู้ว่าความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้...เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยูความตาย ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้น มิได้เลย

...ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ ดังนี้


ให้เชื่อในกฎแห่งกรรม ทำกรรมอย่างใดย่อมส่งผลอย่างนั้น คือ กรรมชั่วย่อมส่งผลชั่ว และกรรมดีย่อมส่งผลดี ผู้ใดทำกรรม...ผลกรรมนั้นย่อมตกแก่ตัวผู้ทำ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้...ใครทำกรรมดี ผลกรรมที่ดีต้องตกแก่คนผู้นั้น...ใครทำกรรมชั่ว ผลกรรมชั่วก็ย่อมตกแก่ผู้นั้นเช่นเดียวกัน

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

62#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๑

พระราชพรหมยาน

(วีระ ถาวโร)

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

L47.png



หลวงพ่อสอนลูกๆ ทุกคน

จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานี้ก็ชื่อว่าเรายังไม่เป็นคนดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลสคือความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่ว จงทรงไว้แต่ความดี และก็ว่างจากความทุกข์ จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำไว้

ขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ว่าความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตาย จงคิดว่าเราจะตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการตายต่อไป นั่นคือ พระนิพพาน พ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่า พระนิพพานสมบัติ จะไม่ขาดไปจากกำลังจิตของลูก แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องได้แน่นอน นี่เป็นความหวังของพ่อ แต่ทว่า ถ้าลูกรักของพ่อลืมความดีนั้นเมื่อไร จิตใจไปพัวพันอยู่ในราคะก็ดี ความหลงก็ดี เป็นอันว่าลูกกับพ่อนี้ต้องแยกทางเดินกัน ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่ว่าเวลาตายจริงๆ เราตามกันไม่ไหว

ในสายตาของคนอื่น เขาอาจจะเห็นว่าลูกเลว
แต่ขอลูกทั้งหลายจงคิดว่า นั้นเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคลแต่ละคน แต่พ่อเองมีความรู้สึกว่า “คนจะดีหรือคนจะเลว มันขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรม” ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ขณะใดถ้ากรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อก็อาจจะมีความคิดผิด พูดผิด กระทำผิดไปได้ เป็นของธรรมดา แต่ขณะใดกรรมที่เป็นกุศลกรรมให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอ


เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามาก ถือว่าเป็นความรู้สึก เมื่อลูกรักบางท่านบางคนคิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฎของกรรม เดิมทีเราทำมาแล้วไม่ดี ในชาตินี้เรามาแก้ตัวกันใหม่ พยายามทำความดีเสียทุกอย่างเพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิม เพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือ พระนิพพาน

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

63#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๒

หลวงพ่อชา สุภัทโท

(พระโพธิญาณเถร)

วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

L47.png



ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้น จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นการหลุดพ้น...พยายามมากเกินไป แต่ขาดปัญญา เป็นการเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น...เดินทางสายกลาง คือ สงบ วางสุข วางทุกข์

หน้าที่ของเรานั้น ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีความดีใจเสียใจ...ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวง จิตก็หลงใหลไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์...ผู้ใดตามดูจิต ผู้นั้นจักเห็นจากบ่วงของมาร

การกระทำจิตให้สงบนั้น อย่าเพิ่งเข้าใจว่ามาทำวันเดียวหรือสองวันมันจะสงบได้...จะต้องพยายามทำเรื่อยๆ ไป ให้เห็นความสงบเกิดขึ้นมา ต้องพยายามทำให้มาก ทำบ่อยๆ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีสติอยู่เสมอ

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

64#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๓

หลวงปู่ศรี มหาวีโร

(พระเทพวิสุทธิมงคล)

วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด

L47.png



เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน...เพื่อแลกกับความดี

การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฏ์ คือ นั่งภาวนา ๒๔ ชั่วโมง จะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง ๒ ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง...โอ...นรก ๘ ขุม มันเกิดยกกันมาที่นี่ทั้งหมด เออ...มันยกทัพกันมา ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วร่างกาย

เรานี่แหละสู้กับมันจนทุกขเวทนาปรากฏอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมารที่มารบเร้าจิตใจจนหมดสิ้น...ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียว มันจบได้ คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลย...นี่นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้...ถ้าไม่ได้ แพ้มันเด็ดขาด

นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ...ถ้าสติอ่อน มันจะติดสัญญาภาพเก่าๆ ที่เราได้จดจำมาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ...ระวังกิเลสมันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลงเพ้อพกไปได้...!

แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลงอยู่กับนิมิตเกือบ ๖ ปี เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ๆ...สำหรับบทปฏิบัตินั้น...ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไร เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่มันจะถอยหนีไปหมดเลย...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

65#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๔

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

(พระสุธรรมคณาจารย์)

วัดอรัญญบรรพต (พระสุธรรมเจดีย์) อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

L47.png



เอโกปุคคะโล...ทำตนเองให้เป็นคนๆ เดียว ถือจิตดวงเดียวเท่านั้น จะสามารถพบธรรมะชั้นสูงสุดได้ไม่ต้องสงสัย...

ธรรมะเป็นสิ่งประเสริฐ แม้ธรรมะประดิษฐานอยู่ตรงกลางดวงจิตดวงใจของผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะได้รับความอบอุ่นใจ มีที่พึ่งอันถาวรสมบูรณ์ทุกประการ จะไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกที่จะให้ความอบอุ่นยิ่งกว่าธรรมะ...

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

66#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๕

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร

วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

L47.png



ผู้พิจารณา...ผู้มีธรรมะในใจ ท่านอยู่ในโลกเหมือนกันกับใบบัวอยู่ในน้ำ แต่ทว่าน้ำไม่มีซึมซาบเข้าไป...ถึงน้ำจะมาตกค้างบนใบบัว เดี๋ยวมันก็หลุดก็หล่นออกไป ไหลออกไป ใบบัวไม่เคยซึมในน้ำที่ไปถูกไปต้อง...

นี่...จิตใจของท่านที่มีธรรมะชำระกิเลสตัณหาได้ ก็ทำนองเดียวกัน ท่านจึงอยู่ในโลกด้วยความสุขความสบาย ไม่ลุ่มหลงวุ่นวายไปเหมือนพวกเรา

กิเลสในจิตใจของมนุษย์มันมีด้วยกันทุกท่านทุกคน เพียงแต่จะน้อยมากต่างกันเท่านั้น...บางท่านก็มีความโกรธมาก บางท่านก็มีความโลภมาก บางท่านก็มีความหลงมาก บางท่านมีเพื่อจะรักษาโรคประเภทนี้


ถ้านำธรรมะของพระพุทธเจ้ามารักษาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยการพิจารณาจริงจัง โรคที่มีอยู่ในจิตในใจ คือ กิเลส ตัณหา มานะ ทิฐิต่างๆ ค่อยจะสะอาดไป...ตกไป...หลุดไป

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

67#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๖

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ

L47.png



ถ้ารู้ธรรม...ก็ขอให้สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้แล้วก็นำธรรมะนั้นมาฟอกซักชำระเสียให้สะอาด...ใจเรามันสกปรกมานาน ต้องล้างเสียที อวิชชามันเยอะมันหุ้มไว้จนหมดมิด...เมื่อจิตใจหมดแล้ว (...รู้ด้วยสติปัญญานะ)


จิตใจผู้รู้นั่นแหละ มันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไป จิตผู้รู้ก็จะทรงอานุภาพด้วยปัญญาอย่างโดดๆ ไม่เกี่ยวข้องแวะกับอะไร เป็นปกติใสสว่าง เป็นจิตเดิมแท้.....ทีนี้แหละ อะไรที่ไม่รู้มันก็จะรู้ สิ่งไหนไม่อยากรู้มันก็รู้ มันก็ตื่น มันก็เบิกบานของมันไป


ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงต้องสอนเอาความโง่ของพวกเราออก เอาความดีใส่มาแทนให้ เราก็จงรับไปปฏิบัติซี...เอามาแล้วก็มาวางไว้เฉยๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรเล่า !

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

68#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๗

พระอาจารย์วัน อุตตโม

(พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)

วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

L47.png



พระเถระองค์หนึ่ง ท่านไปบำเพ็ญใกล้สระแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงเขาลงไปเก็บดอกบัว ขณะเก็บดอกบัว เขาก็ร้องรำทำเพลง...พระท่านก็พิจารณาตามเสียงของเพลงเขานั้น ให้รู้เห็นทุกขสัจจะ สมุทัยสัจจะ...เพราะในขณะที่เขาร้องเพลงเพลิดเพลินนั้น...ก็คือ เขาเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะกิเลสแผดเผาจิตใจ เขาจึงได้ระบายออกในลักษณะร้องเพลง นั้นเรียกว่า เป็นความระบายกิเลส

ทั้งในขณะนั้น เขาก็มีความรักใคร่ยินดีเพลิดเพลินอยู่ด้วยอำนาจของกิเลส ซึ่งเป็นสมุทัยสัจจะบอกทุกขสัจจะที่กิเลสแผดเผาจิตของเขาด้วย บอกสมุทัยสัจจะที่เป็นตัวเหตุให้เกิดความรักใคร่ยินดี เกิดตัณหา เกิดความทะเยอทะยานอยากในจิตด้วย

แล้วพระท่านก็เกิดความสังเวชเกิดความเบื่อหน่าย จิตของท่านก็หลุดพ้นได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะอาศัยเสียง เพราะนั้นเป็นตัวเหตุ ท่านน้อมนำมาพิจารณา นิโรธ ความรู้แจ้งก็เกิดขึ้น กิเลสทั้งหลายก็หมดสิ้นไป

นี่แหละ...เมื่อจิตเป็นธรรมะแล้ว ก็พิจารณาเป็นธรรมะไปได้ หรือจะเห็นรูปร่างกายที่เขาแต่งให้สวยงามก็เช่นเดียวกัน ข้างในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด ของโสโครกสกปรก แต่เขาแต่งข้างนอกก็เหมือนกันกับโลงผีที่เขาแต่งให้สวยงาม แต่ข้างในน่าเกลียดน่ากลัว...คนเราก็เหมือนกัน ใจที่มีกิเลสก็น่ากลัว...มันเกิดความโลภน่ากลัว เกิดความโกรธก็น่ากลัว เกิดความหลงก็น่ากลัว

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

69#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๘

หลวงปู่คำพอง ติสโส

วัดถ้ำกกดู่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

L47.png



ลูกเอ๋ย....ความเมตตาปรานี พรหมวิหารธรรม ย่อมมีอยู่ในจิตใจของทุกๆ คนนั่นแหละนะ แต่บางคราว เจ้ากิเลสตัวเชื้อโรคนี้ มันฝังตัวหัวลงบนจิตใจมนุษย์เข้าไปแล้ว จะไม่ไล่ไม่เข้าย่ำยีมันบ้างเลยนั้น ต่อไปมันจะเคยตัวนะ !

เพราะฉะนั้น เวลาถางป่ารกๆ โดยเฉพาะป่ากิเลสนี้ เราต้องฟันหนักๆ หน่อย มิเช่นนั้นต้นรากเหง้ามันไม่ขาด...ไม่ขุดรากถอนโคน ไม่ช้ามันก็งอกเงยขึ้น อีกไหมล่ะ !...ยิ่งพวกเรานี่นะ ชอบเลี้ยง ชอบขุน ชอบรดน้ำพรวนดินอยู่เป็นประจำๆ...มันจะกลับงามขึ้นอีกประไรเล่า…!

ถ้ารู้ตัวเจ้ากิเลสนี้ มันจะอยู่จะอาศัยอะไรอยู่...ก็ต้องฟันให้มันกระเทือนเลย มันจะได้รู้สึกตัว

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

70#
pimnuttapa โพสต์เมื่อ 2023-6-9 10:53 |แสดงโพสต์ทั้งหมด

ตอนที่ ๖๙

หลวงปู่เมตตาหลวง

(หลวงปู่สิงห์ สุนทโร)

(พระญาณสิทธาจารย์)

วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม (วัดพระขาว) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

L47.png



ศีล สมาธิ ปัญญา...ทางสายนี้ต้องใช้สติปัญญาให้มากๆ...ให้ใช้ศรัทธาความพากเพียรเป็นเครื่องบุกเบิก เพื่อจะได้ผ่านไปเป็นระยะๆ โดยมีความมานะพยายามเป็นพลังช่วยหนุน สนับสนุนจิตใจ ให้ผ่านพ้นกิเลสตัณหาวิชชาทั้งหลายนั้นแหละ...จึงจะได้รับประโยชน์ในเบื้องต้นและเบื้องปลาย

...จงน้อมนำจิตใจ ถวายสู่พุทธบูชา ตายเป็นตาย...แล้วนั่งภาวนาบริกรรม-พุทโธ ไม่มีวิธีอื่น มีวิธีนี้เพียงอย่างเดียว...นั่งภาวนามีสติตามรู้ให้ทันกับความนึกของจิต จิตจะไปที่ไหน...ให้เอาสติจับไว้ อย่าให้คลาดเคลื่อนภาวนาไปเรื่อยๆ หายใจเข้า-พุธ...หายใจออก-โธ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหวาดหวั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น...ข้อสำคัญ อย่าเผลอสติก็แล้วกัน...!

นั้นแหละ...เราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มอบกายถวายตัวเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อการภาวนาโดยแท้...บุคคลเช่นนี้หายากที่สุด เกรงอย่างเดียว ไม่เอาจริงเท่านั้น...มันจึงหละหลวมไม่มั่นคง...แม้ใจก็อ่อนไหวได้นะ!

ข้อสำคัญ...ขออย่ามองออกไปจนเกินตัว จงพิจารณาอยู่ในกายนี้แหละ ธรรมะจะเกิดก็ตรงนั้นแหละ

L48.png


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2024-11-1 07:01 , Processed in 0.071167 second(s), 16 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.