ฝากข้อความ
- ณัฐดนัย
- สวัสดีครับคุณจิดาภาครับ ไม่ได้เข้ามานานครับมาทักทายครับ ขอให้มีความสุขนะครับ สวัสดีครับ
- webmaster
- คุณ จิดาภา ยังจะเอาชุดเพชรล้อมไหมครับ ใกล้หมดแล้วครับ 10 เม็ด 5,000 ครับ ขนาด 6 มิน ครับ เหลือไม่เยอะแล้วครับ ถ้าเอาโทรมาสอบถามได้นะครับ 087-912-9995 (อ.ธนา)
- ณัฐดนัย
- บุญใดที่ผมพึงจะได้รับ ขอคุณจิดาภาพึงได้รับทุกๆบุญด้วยเทอญ สาธุ
จิดาภา: อนุโมทนาด้วยค่ะ
- ณัฐดนัย
- สวัสดีครับ ช่วงนี้เงียบไปผมขอไปปฏิบัติธรรมครับ
- ณัฐดนัย
- ผมได้แล้วครับ^-^ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งครับ สาธุ
จิดาภา: สาธุค่ะ ส่งหนังสือให้หลายวันแล้วนะคะ ไมทราบจะถึงเมื่อไหร่ค่ะ ...
- ณัฐดนัย
- สวัสดีปีใหม่ครับ บุญใดที่ผมพึงจะได้รับ ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า อำนาจพระปัจเจกพุทธเจ้า อำนาจพระธรรม อำนาจพระอริยสงฆ์ ข้อผลบุญนี้จงสำเร็จแด่คุณจิดาภาโดยเร็วพลันโดยปัจจุบันเทอญ สาธุ
- ณัฐดนัย
- อนุโมทนาสาธุครับ สาธุ กระผมได้รับหนังสือแล้วครับ แล้วผมจะปฏิบัติแทนพระคุณนะครับ สาธุครับ สาธุ
- webmaster
- คุณจิดาภา ครับไม่ทราบว่าจะเอา 100 เม็ด 6 มิน หรือปล่าวครับ เพระาเหลือ 100 เม็ดสุดท้ายแล้วครับ หมดแล้วหมดเลยครับ ถ้ายังสนใจยังไงแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ ก่อนจะหมดครับ
- webmaster
- webmaster
สวัสดีครับ คุณจิดาภา สนใจเพชรล้อมขนาด 6 มินไหม พี่เขาปล่อย ร้อยเม็ด มี 1 ชุดนะ ตกเม็ดละ 500 ครับ ถูกนะครับ
01-25 17:05:46webmaster
ตอนนี้มีเหลือ 2 ชุดเท่านั้น ผมจะให้สำหรับคนบูชาเพชรใหญ่เท่านั้นครับ พี่เขาเอามาปล่อยก็ช่วยพี่เขานะ 1 ชุด 50000 ครับ
01-25 17:07:02webmaster
ปกติตุ้มเล็กคู่ละ 4000 ครับ อันนี้พี่เขาให้พิเศษ เม็ดละ 500 ครับ ใว้ทำเพชรล้อมแหวน หรือ สร้อยคอ เลทแขนได้ ออกมาจากกรุ
01-25 17:07:49webmaster
เหลือแค่ 2 ชุดเองครับ ยังไม่โพสลงเฟรสบุคนะครับ บอกเฉพาะคนบูชาเพชรใหญ่ไปเท่านั้น เนื้อเขาพระงามดั่งเดิมแท้มาจากสมัยหลวงพ่อครับ
- จิดาภา
- คำสอนสมเด็จองค์ปฐม ให้พิจรณาขันธ์๕ของตนเองและผู้อึ่นว่า ในที่สุดก็ต้องตาย ขันธ์ห้ามีแต่ความเสึ่อมสกปรกหมด ถ้าหากไม่ชำระจิตให้สะอาดดีแล้ว ก็ต้องจุติสู่ภพสู่ชาติกันอีกต่อไป จักมานั่งรักนั่งโกรธขันธ์๕ของตน และบุคคลอึ่นเพึ่อประโยชน์อันใด เพราะขื้นชึ่อว่าขันธ์๕ มันไม่เที่ยง เป็นเพียงธาตุ๔มีอาการ๓๒ เข้ามาประชุมกันชั่วครั้งชั่วคราว ขันธ์๕ทุกรูปทุกนาม เต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยโทษ ยิ่งมัวเมาอยู่ในอารมณ์ราคะ ปฏิฆะ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องกลับมาเกิดพบกับขันธ์๕ ที่เต็มไปด้วยโทษและทุกข์เช่นนี้อีก
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สึบสงวน
- จิดาภา
- สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาสอนว่า การเจ็บป่วยเป็นธรรมดาของผู้มีร่างกาย ไม่มีใครที่หนีพ้น โดยเฉพาะโรคหิว ชิคัชฉา ปรมา โรคา เราทำได้แค่บรรเทาโรคของร่างกายได้เท่านั้น จงอย่าหลงคิดที่จะรักษาโรคของกายให้หายทุกอย่าง ให้ทำไปตามหน้าที่ในทางสายกลาง ดังนั้นเห็นใครป่วย แม้ตัวเองป่วย ก็ต้องถีอว่าเป็นธรรมดาของขันธ์ห้า ไม่มีใครห้ามกฎของกรรมได้ ทำใจให้สบาย
- จิดาภา
- สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาสอนเรื่องพรหมวิหาร ทรงตรัสว่า ใครจักกรุณาไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ตัวของเจ้าเอง ต้องหมั่นกรุณาตัวของเจ้าเอง จงรู้เอาไว้เถิดว่า คราวใดที่เจ้ายังอารมณ์จิตให้เร่าร้อนไปด้วย ไฟโมหะ โทสะ ราคะนั้น เจ้าได้สิ้นกรุณาแก่ตัวเจ้าเอง
- จิดาภา
- ใช้จิตที่สงบพิจรณาในอารมณ์ รูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง โผฏฐัพพะบ้าง ธรรมารมณ์บ้าง ที่เกิดขึ้น ให้มาพิจรณาชอบหรือไม่ชอบต่างๆนานา ให้เป็นผู้รับทราบไว้ อย่าเข้าไปหมายในอารมณ์นั้น ถ้าดีก็ให้รู้ว่าดี ถ้าไม่ดีก็ให้รู้ว่าไม่ดี อันนี้เป็นของสมมุติบัญญัติ ถ้าจะดีจะชั่วก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งนั้น เป็นของไม่แน่นอน ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่น อ่านคาถานี้ไว้ด้วย ถ้าทำได้อย่างนี้เรื่อยๆไป ปัญญาจะเกิดเอง (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
- จิดาภา
- สิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งสมมุติ ที่เราสมมุติขึ้นมาเองทั้งสิ้น สมมุติแล้วก็หลงสมมุติของตนเอง ความยึดมั่นถือมั่นนี้ มิใช่จะจบได้ มันจบไม่ได้สักที เป็นเรื่องวัฏฏสงสารที่ไหลไปไม่ขาด ครั้นไปยึดที่ไหนก็เป็นภพที่นั่น เป็นชาติที่นั่น เป็นพิษเป็นภัยที่นั่น ธรรมะไม่ใช่อยู่ที่อื่นไกล อยู่ติดกับเรานี่แหละ พิจรณาตัวเรานี้ บางทีก็สุข บางทีก็ทุกข์ ไม่มีอะไรแน่นอน ธรรมะเป็นอย่างนั้น ถ้าเห็นธรรมะก็เห็นพระพุทธเจ้า เห็นพระพุทธเจ้าก็เห็นธรรมะ(หลวงพ่อชา สุภัทโท)
- จิดาภา
- การภาวนากรรมฐานนั้นไม่ใช่การเดิน การยืน การนั่ง การนอน แต่ต้องให้การเดิน การยืน การนั่ง การนอน เป็นข้อปฏิบัติ เพราะเราจะอยู่นิ่งๆไม่ได้ เราจะยืนเดิน นั่ง นอนนี้ อาศัยอะไร? อาศัยปัญญาให้เกิดขึ้น ให้มีความถูกต้อง อาการที่มันจะถูกต้องคือ ความเห็นที่ถูกต้องนั้นน่ะเรียกว่าปัญญา มันจะเกิดเมื่อไรก็ได้ เมื่อเรานอน ยืน เดิน นั่งก็ได้ทั้งนั้น อิริยาบถทั้ง4นี้เราอาจจะคิดชั่วก็ได้ อาจจะคิดดีก็ได้ อาจจะคิดถูกก็ได้ อาจจะคิดผิดก็ได้ ในอิริยาบถทั้งสี่นี้ สาวกทั้งหลายประพฤติปฏิบัติสำเร็จมรรคผล ในอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน ได้ทั้งนั้น เช่นนั้นการภาวนานี้อาศัยการยืน เดิน นั่ง นอน เป็นหลักที่เอาไปรวมตัวตรงไหน? ไปรวมตรงความเห็นที่ถูกต้องให้เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิความเห็นชอบเกิดขึ้นมา สัมมาสังกัปโปความดำริมันก็ถูกต้อง การเลี้ยงชีพก็ถูกต้องฯลฯ ฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนคำพูดเสียดีกว่า เปลี่ยนเป็นว่า เราไม่ได้ออกจากสมาธิ เราเปลี่ยนอิริยาบถเท่านั้น สมาธิคือความตั้งใจเมื่อเราออกจากสมาธิแล้ว ก็ให้มั่นใจในสติอันนั้น ในสัมปชัญญะอันนั้น ในอารมณ์อันนั้น ในการกระทำเช่นนั้นตลอดเวลา เมื่อหากว่าเราเลิกจากการทำสมาธิแล้ว ถ้าหากเราเข้าใจว่าเลิกจากการงานแล้วอย่างนี้ไม่ถูก ให้เรามี"วิริยารัมภะ"ปรารภความเพียรของเราอยู่เสมอ ให้มีจิตปรารภในการงานของเรา ในการกระทำของเรา ในสติสัมปชัญญะของเราอยู่เสมอ การทำสมาธินั้นจึงจะเจริญ (คำสอนหลวงพ่อชา สุภัทโท)
- จิดาภา
- ลักษณะของบุญ คือใจเราดี ใจเรามีความสุข ใจเรามีความสบาย เย็นอกเย็นใจ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน ไม่วุ่น ไม่วาย นี่แหละ บุญ (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
- จิดาภา
- ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา ผู้นั้นก็จะใด้ฟังธรรมะพระพุทธเจ้า...ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อตาเห็นรูป...ก็เป็นธรรมะ หูได้ยินเสียง...ก็เป็นธรรมะ จมูกได้กลิ่น...ก็เป็นธรรมะ ลิ้นได้รส...ก็เป็นธรรมะ ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น ฉะนั้นผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา เพราะอะไร เพราะเรามีความรู้อยู่ ในเวลานี้เราจึงเรียนอยู่กลางธรรมะ จะเดินไปข้างหน้า...ก็ถูกธรรมะ จะถอยไปข้างหลัง...ก็ถูกธรรมะ ท่านจึงให้มีสติ ถ้ามีสติแล้วมันจะเห็นกำลังใจของตน เห็นจิตของตน ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง เป็นอย่างไรก็ต้องรู้ รู้ถึงที่แล้ว ก็รู้แจ้งแทงตลอด เมื่อมันรอบรู้อยู่เช่นนี้ การประพฤติปฏิบัติ มันก็ถูกต้องดีงามเท่านั้นแหละ (คำสอนหลวงพ่อชา สุภัทโท)