แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: yuiflukefo
go

ถามเรื่องการอุทิศบุญ [คัดลอกลิงค์]

Rank: 1

Rank: 1

2 @; Y3 ~) [8 ]8 \6 `
$ W* E/ c6 g: w0 h* {! H1 _
[size=150%]โอวาทธรรม - {" c) e4 B; R" o* X$ [/ n$ X
ของ
6 u  `' z2 F( O5 c. o[size=150%]พระราชพรหมยาน1 o* Z( O" C* i; |7 y* Q, f0 e
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

7 _7 r: N3 _5 y, o6 I
วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี

7 _* l' Y$ n5 o7 A% l! w$ v5 v
$ C6 X( e# \! } , R% P2 g* c2 j( a1 q+ w

' _4 J' h6 t( W8 a! ~การอุทิศส่วนกุศล
2 j5 |$ g% a1 |3 u
( `0 M0 }' K8 W/ o. ~1 Q/ |# e"หลวงพ่อคะ...ลูกทำสังฆทานให้สัมภเวสี ถ้ากลับไปแล้ว% D# f: h$ R# Q/ U( U
จะกรวดน้ำได้ไหมคะ...?"
1 y  V2 m$ N$ @  k

3 G4 `9 x$ j& N9 J3 |8 q) gการอุทิศส่วนกุศลในพระพุทธศาสนานี่ไม่มีน้ำ' V# D1 B$ f7 s* n5 _: b1 q
แต่ที่พระเจ้าพิมพิสารทำเป็นองค์แรก
" o6 n6 C# i/ `, F5 R+ [เพราะว่าศาสนาพราหมณ์เขาถือว่า ถ้าจะให้อะไรกับใคร
! Z4 w# h3 N; w2 B; R" M& nต้องให้คนนั้นแบมือแล้วเอาน้ำราดลงไป
; ?; Q  ~: e7 c/ K2 I5 Y/ f: r

" w, Z: J" U; }และตอนที่พระเจ้าพิมพิสารทำ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ห้าม6 A$ K' v4 u+ v3 |. m
เวลาที่พระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนกุศลต้องใช้น้ำ$ r2 [) E8 h% Y1 r
เพราะว่าท่านเพิ่งพบพระพุทธเจ้า
" l! R- u2 R% H8 }2 ^4 Hประเพณีของพราหมณ์ยังชินอยู่ แต่ว่าใจท่านตั้งตรง$ f6 `7 l$ N9 ]8 M& k7 g

1 `; e3 h" v& Wเวลาอุทิศส่วนกุศลจริงๆในพระพุทธศาสนาไม่ต้องใ้ช้น้ำ
- R- _: R0 V' Hผีกับเปรตต้องรีบวิ่งกลับเพราะไม่ได้กินแน่ เพราะฉันเคยพบมาแล้ว1 c. ]* L5 j9 G7 u# u$ R' U. l: c
แต่ไม่มีน้ำนะ ว่า "อิมินาฯ" เพลินไป
2 R0 d& \( j6 E$ c, ^ยังไม่ถึงครึ่งก็มีคน ๒ คนถือโซ่คล้องคอปั๊บลากไปเลย

5 P% m( u, d1 l, S" E
9 Y5 M5 g# Z# r* Y% O% X. J- H
0 b/ Y% A1 a" [+ n: t/ @# g( W1 _3 D8 M) k! k; C1 T5 B4 `+ X/ c
กรวดน้ำแบบแห้ง$ n1 E, f+ U, c3 `
3 h3 i1 G5 h) P  Y
"มีบางคนเขาบอกว่า กรวดน้ำแบบแห้ง
! F/ o! B  ?. K+ k" s, yตายไปชาติหน้าจะแห้งแล้งเพราะไม่มีน้ำ: n  r, t; w2 o
โบราณพูดอย่างนี้จะจริงหรือเปล่าคะ...?"
! c; j! Q  p3 M4 o8 B9 p

4 M3 A9 x2 {& x: E% T! zเขาพูดได้ยินหรือเปล่า? คนที่พูดมาได้ยินหรือเปล่า?
9 x4 k: J" O  r, Rคนโบราณพูดอย่างนี้ คนโบราณพูดหรือเปล่า?6 @8 D; a7 _- f, l9 d& U6 m
ถ้าได้ยินแสดงว่า เขาพูดจริงแต่ก็ไม่ได้แห้งแล้งจริง
, N# [# w% [- @5 d8 ]9 P9 l- W) _% Z5 q, L9 T
การอุทิศส่วนกุศล พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ใช้น้ำ
- \4 a! I' h5 e$ M# N( C2 dฉันใช้น้ำวันเดียว วันบวช ว่าไม่ถูกเลย
: H; w: C$ C& wต้องระวังน้ำหยดอีก ผีไม่ได้กินน้ำ( z2 S3 @* q3 [/ o! M/ D# d
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันไม่เคยใช้น้ำเลยก็เห็นผีได้รับ
( h9 v8 Y" u5 @) ?0 wแต่ชาติหน้าถ้าจะทำอย่างนั้น ถ้าฉันยังไม่ตายก็ไม่ได้เหมือนกัน- P, m) \7 o9 J) L) ]6 X% @7 M
แต่ไม่เป็นไรนะ กินน้ำเกลือเผื่ออยู่แล้ว เผื่อชาติหน้าจะอด
# i1 j6 s6 z, H5 y) W
) y' n: r. M+ W$ a4 H"อ๋อ...มิน่าล่ะ...หลวงพ่อถึงให้น้ำเกลือบ่อยๆ"* v3 q5 Z; \+ c
ใช่..มีทั้งน้ำสะอาด น้ำเกลือ น้ำหวาน เผื่อไว้ตลอด" m# q" [; \4 U; k8 u
1 d( S8 [6 C$ Y5 ]0 K7 M. y
รวมความว่า เวลาจะอุทิศส่วนกุศล ให้ใช้ภาษาไทยสั้นๆ
/ _9 L* N5 i2 f7 U( Y  z* Hอย่างทำบุญสังฆทาน เราก็ตั้งใจว่า
% [  M, V- J7 A4 r4 `"การบำเพ็ญกุศลในวันนี้ ผลจะมีแก่ข้าพเจ้าเพียงใด5 z0 y7 t# q! Y! n
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่...(บอกชื่อ) 0 x/ T: [2 g$ e2 o/ {2 ]- Y
ขอให้มาโมทนารับผลเช่นเดียวกับข้าพเจ้า"
. T7 n, n5 m6 s# k0 X+ f. G+ u

3 W$ e5 F+ Y* Bและตอนที่พระสงฆ์ให้พรนี้ ' d8 t; r) m4 W: v7 m5 z1 r7 o
ก็ขอเจ้าภาพและทุกท่านที่บำเพ็ญกุศลแล้ว " `* j1 u: l! j, K. p# m, _
ตั้งจิตปรารถนาเอาตามประสงค์
* ]) C( G3 i3 `6 A, u7 q" e- J' J
4 p, s6 o# \; s0 r! t) @สมมติว่า ท่านทั้งหลายตั้งใจเพื่อ "พระนิพพาน"
! e5 p# z) o* G& j$ V8 a- E: Pอันนี้ก็ต้องเผื่อด้วยว่า หากสมมติว่าเราตายจากชาตินี้แล้ว
, t  X) L% c% r+ S3 p, Sยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงไร
8 j, q  D3 d1 n, oสมมติว่าเราตาย...ถ้าไม่เผื่อไว้ละก็มันจะขลุกขลัก% F/ O/ t% a* o! |/ x3 k4 k
; c3 V7 n3 K7 H& i
ฉะนั้น การอธิษฐานจิต คือ ตั้งอธิษฐานเขาเรีัยกว่า อธิษฐานบารมี
* m+ y$ Q3 G" qเจริญพระกรรมฐานก็ดี ถวายสังฆทานก็ดี อธิษฐานว่า
: N0 H7 M/ c6 {2 b: V"ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้- X" w9 j) H0 b- L) V" L
แต่ทว่าถ้าหากข้าพเจ้าไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด# w1 W. M  I% O) ~, A& K
จะเกิดใหม่ไปในชาติใดก็ตาม ขอคำว่าไม่มี...จงอย่าปรากฏแก่ข้าพเจ้า"
. ]9 Y( P! `: y" N, ?7 L
' z. }4 W/ ]9 C: z. J8 q
ถ้าเราต้องการอะไรให้มันมีทุกอย่าง
" U; G8 r6 G+ o0 O/ ~9 j1 X0 Sจะไม่รวยมากก็ช่าง เท่านี้ก็พอแล้ว
- H' J# L7 J3 y# N! V
8 Q' U! C2 [7 f& v4 A* ~! c

0 k9 v6 u/ {+ l, U/ w; O; H1 O6 }) G6 H( J
ลืมอุทิศส่วนกุศล
5 e- I& {9 P0 K# ^. P$ z# v% ]+ X2 U9 b7 U7 Y! z
"เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...?"8 j$ I9 r$ k+ [6 ?  x% z5 u' a' A
การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปีๆ บุญก็ยังอยู่* S( R# S; q+ u# d1 }, C/ W1 Q7 d* j
ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปีก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย5 ^" L6 z4 ?7 n  A, z) A
ไม่ใช่เราทำบุญแล้วเดี๋ยวเดียวมันก็หาย ไม่ใช่อย่างนั้นนะ
" d7 I, k- ?/ z/ X' m% T. p
. q2 f# T; j% d$ s: ~6 K# g+ u; [
"แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ?"2 O5 ^8 e* p$ E0 R
ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ
6 ?. N3 m% F9 p5 E2 |& y- D- d+ K; [- T9 t6 T  z7 d7 M% r% }
แต่อยู่ที่ว่า เราจะให้เขาหรือไม่ให้
* M4 ~, ^# N, u. Lการอุทิศส่วนกุศลนี่ถ้าเราไม่ให้เราก็กินคนเดียว ใช่ไหม
- ~0 L& b7 }4 K5 C3 b0 Zทีนี้ถ้าเราให้เขา ของเราก็ไม่หมด3 R" ]4 v4 r5 X& s6 ?. C+ p" X
อีกส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม
9 _5 t3 x2 i- f# z" @3 w2 q' o. ?% X$ r( z" {; _) A/ U3 E8 f
อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ
0 P9 T1 Q' I9 T! x0 u5 e/ ]สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าให้ช้างของมหาเศรษฐี  O6 t$ d, b6 H3 O: j
เวลาที่ทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ
* U7 m8 O, ]( ~2 }1 m4 R' Sท่านก็สงสัยว่า การแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม % u: a" E0 K8 e6 t7 C
จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านรับบาตรนะ
% ~+ C8 ?8 e% m
9 a& ]3 c) h% b0 rท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า - E. x2 l! v: }- f
สมมติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย  S8 n4 a6 x' m! }; G
คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง
+ G! J8 B% N" \; A8 U) ?* rก็มาขอต่อไฟที่คบของโยม แล้วคบทุกคนก็สว่างไสวหมด
( {/ B5 W5 E. K+ r% Jอยากทราบว่า ไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม?
! D* T, N3 \2 N2 v$ p% Xท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ4 h1 s" U1 g1 ^0 B5 q

7 y1 S0 d* `/ E5 E8 O' Bแล้วท่านก็บอกว่า การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน1 B& }1 f6 ], u+ @: r! z
ให้เขาอนุโมทนา แต่บุญของเราเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

( v) ], W& z7 N2 _& u) Q
4 M" I' ~3 U, Z* w% [
7 j1 D8 Z6 l) r
7 J( }7 n. i2 Z7 T6 pการแผ่ส่วนกุศล  x( t% F: X& U9 k, S, ]

, i4 l% F% V6 V( N* n0 D  P"การแผ่ส่วนกุศลไปให้แก่บิดามารดา ท่านจะได้รับผลไหมคะ...?"" _: F; s6 t$ s7 V4 Q9 X

2 g, V( W+ r+ `6 lการได้รับส่วนกุศลนี่ ถ้าหากท่านมีโอกาสโมทนา ท่านก็ได้รับ4 F3 ~# u' v' M% ~
ถ้าท่านไม่มีโอกาสโมทนาก็ไม่ได้รับ

4 S: C2 B8 P6 f+ z: T/ O" U9 c6 ]
เหมือนเราเอาสิ่งของไปให้แก่ผู้รับเขาไม่รับ เขาจะได้ไหม
' x$ J6 p) d* V" U4 Jถ้าพวกเขาอยู่ในนรก ไฟไหม้ทั้งวัน ถูกสรรพาวุธสับฟันทั้งวัน
. r4 p& u$ I  ]  I' }ถ้าเราเอาขนมไปให้กิน เขากินได้ไหม?7 F! o5 T% g; ^2 v7 T3 D
"ไม่ได้ค่ะ"" f2 Z& z: F& T( a7 u% v) F! }
อยู่ในแดนเปรต ๑๑ จำพวก ไมไ่ด้รับ
! a4 i9 h+ L5 V" n% |* S. ]แต่ถ้าเป็นพวกที่ ๑๒ คือ ปรทัตตูปชีวีเปรต พวกนี้มีโอกาสโมทนา5 s( d1 ^4 Q! E  Q
  v3 n6 ?" T, F+ }( m2 l6 }  E4 i) N
"แล้วผู้สร้างจะได้ไหมคะ...?"
  N! V  I9 l' fไม่แน่..ถ้าสร้างดีก็ได้บุญ ถ้าสร้างไม่ดีก็ได้บาป' }6 t4 a$ A, U& M" m: [8 }7 g
"เป็นไงคะ...?"
3 K- `! c; j( U: M0 D# b, vคือ ก่อนจะทำบุญ ก็กินเหล้ากันก่อน พอพระไปก็กินเหล้ากันแล้ว
  }% [- Z, z& |6 p0 w. J* R/ Jถ้าหากมีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่มีบาป มีแต่บุญ ผู้สร้างได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
9 v1 l) B# k  |* T7 f4 \คือ บุญนี่จะได้แก่ผู้สร้างก่อน แล้วผู้สร้างอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น
# H. E: t- Q" h( k# kถ้าเขามีโอกาสโมทนาก็ได้รับ
8 n# |7 @% `8 m2 ?5 p/ k/ n; h" g

+ f; R! v9 T9 q
2 }+ q- j1 N/ c# @# P
7 n0 C6 N& i  ?) Jอุทิศเจาะจง
. Z' H5 n6 \7 t5 }
! a% s5 J3 ^; D) B' x. {7 L, Z! ^"ทีนี้การอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลต่างๆที่ตายไปแล้ว
, d# U1 l7 q- Nจำเป็นไหมครับว่าะต้องออกชื่อ รู้สึกว่า มีมากเหลือเกิน"
# f( W9 j1 Z# l8 a

) ~3 X4 I) Z, d9 t3 v2 B# f$ Q) T( r4 Dถ้านึกได้ก็ออกชื่อเขาก็ได้ ถ้าออกชื่อน่ะดีอยู่อย่าง8 e  @1 G$ q4 h
ถ้ากรรมหนาอยู่นิด ถ้าออกชื่อเจาะจงเขาได้เลยนะ3 B; s: `' [! S: S5 a  {# A  m
ถ้านึกไม่ออกก็ว่ารวมๆ ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี  A+ F- C0 s  L# ?7 {* v7 V5 g# N
เอายังงี้ดีกว่า ถ้าขืนไล่ชื่อไปน่ากลัวจะไม่จบ
( {6 Q2 ~$ M0 r6 ^$ e; w

$ i+ _; }( n+ e+ ~; Z3 `6 Z* yมันมีอยู่คราวหนึ่ง ไปเทศน์กัน ๓ องค์ 4 |5 q1 ]8 W- T5 R8 O1 @0 ^
บังเอิญที่ไปก็มีอารมณ์จิตคล้ายคลึงกัน . V4 ^8 p9 Q$ Q/ t& v! Q& B, B
เวลาเพลเขาก็ถวายอาหาร ก็มีพระอื่นด้วยรวมแล้ว ๕ องค์9 B& c3 f* W# z

6 }# o% b( I/ @+ ?3 v) T, Jทีนี้ตาทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลในวันนั้น แกก็ออกชื่อคนตาย
1 m0 m3 W. n) g+ z  s7 lแล้วก็บรรดาญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว บอกเท่านั้นแหละ, Y; q. J' c0 {% M
พวกผีก็เข้ามาเป็นหมื่นล้อมรอบศาลาอยู่ ' b# Z8 l" J7 C
ไอ้คนที่เป็นญาติรับโมทนาแล้วผิวพรรณดีขึ้น
0 ~) h* x+ C% g" u* A" Sไอ้พวกที่ไม่ใช่ญาติก็เดินร้องไห้กลับ, Z. B8 p/ z. `9 o$ B

7 K; d5 P* p  u* m9 sพอเขานิมนต์ขึ้นไปเทศน์
" l) \& [4 m3 a: O1 B4 cตอนลงท้ายเขาถามกันว่า การอุทิศส่วนกุศลทำยังไง
( X3 G3 J6 p" Q6 D4 i/ j; {องค์ที่มีปากร้ายอยู่สักหน่อยบอกว่า
2 U' r6 F* k( P" U$ {ญาติโยมที่นำอุทิศส่วนกุศล อย่าให้ใจแคบเกินไปนักสิ! F) N4 \4 v2 U/ H* ^

" G1 S8 G) P" G5 b) S9 g7 Nอย่าลืมว่า การทำบุญแต่ละคราว 2 n9 I" p) b# I
พวกปรทัตตูปชีวีเปรต ก็ดี พวก สัมภเวสี ก็ดี จะมายืนล้อมรอบ
: h& }. A/ }2 I6 O" i
, s( x2 Q; c) c4 D5 kอย่างสวดบท อยัญจะโขฯ น่ะ
5 ^! a& f1 f" W0 J' Gพวกบรรดาผีทั้งหลายทั่วบริเวณจะคอยโมทนา
/ f4 z; U1 [+ q, k6 pแต่ถ้าเราให้แต่ญาติๆก็จะได้5 T( r+ I" K1 D" q* m
แต่บุคคลอื่นไม่ใช่ญาติจะไม่ได้( B- k. A" S5 E$ d

8 X8 |. q7 z0 t) G8 Z  `  U; _ฉะนั้นก็ควรจะให้ต่อๆกันไป
& M% h& a3 f2 U' ~8 ^. Y- B- Q" iคือว่า ให้ทั้งหมด ทั้งญาติและไม่ใช่ญาติ

4 R' A3 x$ r/ T% Q5 R! I
" @2 c. P% }. X' _7 A+ V& R1 d/ H 5 k0 w" Z, ]; C8 f# \3 N2 k
5 w* J  t' _( H' q' z
พุทธานุสติ& R! [! |( o& v3 ^* }

4 `2 p( \7 s, h' `- s6 K"คนไปนิพพานแล้วอุทิศให้ได้หรือไม่...?"# n9 O. ]) M( {
ได้...แม้แต่พระพุทธเจ้าเราก็ควรอุทิศให้ได้" ?/ F% H) Z  j8 y6 K
เพราะเป็นการสนองคุณ แสดงความกตัญญูกตเวที

# v: v- V+ ~8 @' _* k8 c3 c, V4 n9 r/ y& B2 y
ความจริงท่านไม่ต้องการหรอก ของท่านมีจนล้นแล้ว
9 E. [4 X; C% ]% l6 X1 w3 d! Uถึงแม้ท่านจะไม่รับ แต่อย่าลืม อย่างเราเป็นพ่อแม่เขาน่ะ1 f7 z# U0 x+ g2 |+ \( N% F/ W
ถ้าไอ้ลูกมันอยู่บ้านไกล นานๆ มาหาที
3 X% u7 c- G0 }) W8 V0 u$ Yเอาของอะไรมาให้ ถึงแม้ของนั้นไม่มีค่าอะไร เราก็ยังดีใจใช่ไหม
* I+ j" T8 B* e5 P% v( N: @9 Cเห็นว่า ลูกน่ะมีน้ำใจ มีกตัญญูรู้คุณ 5 b, \7 B, z5 c' u% m
; g! }- u0 B  `% O) h1 K4 b& t
อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่า เราอุทิศส่วนกุศลให้พระพุทธเจ้า
) g5 Z+ N5 D% Q* lก็แสดงว่า เรากตัญญูรู้คุณของพระพุทธเจ้า
$ g0 I5 f; E3 A& S- F+ O! R8 u3 F) A0 L3 k
การบูชาคุณของพระพุทธเจ้าด้วยความกตัญญูรู้คุณนี่& P& v0 M' y! S" y" u
เป็นเหตุให้เราไม่ลงนรก : w! F  Y0 J. R# Y2 d* ^1 E
ท่านจะรับหรือไม่รับนี่ไม่สำคัญ
$ T; x- t# s" F# B% Pสำคัญที่ว่า ให้ใจของเราตามระลึกถึงอยู่เสมอก็แล้วกัน
4 t5 I) G. @% w& ]  [+ f7 F; G
0 p; {1 \, x( U+ I4 ^! i

. x. j! x) R5 ~9 b7 R
$ v+ l) A: L( @5 v
' W( T5 R; n. I& qคัดลอกเนื้อหาจาก+ i+ v1 c% n$ f7 ^) s1 C( B
หนังสือเรื่อง การอุทิศส่วนกุศล หน้าที่ ๓-๙
7 ^/ b8 v! q9 `+ sโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร

Rank: 1

การขออโหสิกรรมแค่คิดยังไม่พอ ต้องขออโหสิกรรมซึ่งหน้ากัน
# j0 ?8 @: M/ _. _/ M& R& Xถาม : กรณีที่เรา..... คิดให้อภัยทานเขาและขอขมาเขา ถือว่าเราทำผิดไหมครับ ?
0 u. }6 L/ b, u) k
. d6 M3 P  c; [& V6 uตอบ : ผิดตั้งแต่แรกแล้ว ถึงคุณจะตั้งใจอย่างไร ถ้ากรรมนั้นก็ยังไม่หมด แรงกรรมก็ยังส่งไปเรื่อย มีอยู่ทางเดียวคือวางอุเบกขา สงเคราะห์ได้ก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไม่ได้ก็ปล่อยไป ยกเว้นว่าคุณจะไปทำพิธีขออโหสิกรรมซึ่งหน้ากัน ถ้าเขาเอ่ยปากอโหสิแล้วกรรมถึงจะขาดลง ถ้ากระแสกรรมยังไม่ขาด กรรมนั้นก็ตามส่งผลไปเรื่อย0 l5 O* D" t# Y+ l1 q) f
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)& c2 p3 c& Y6 D  M% C/ Z. f/ L6 a: c
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕
4 k6 ]2 d0 M3 v$ j5 G
& f; m2 ^  F# V9 I4 h0 A

& K3 I5 k8 a% |8 R( u" X. C! X

Rank: 1

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
# X6 O* l6 W4 b2 z4 aเจ้ากรรมนายเวรหลวงพ่อครับ คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่หมายถึงใครบ้างครับ...?
7 }; s: E# m$ a7 ~9 f7 E5 E7 ^9 y. U) X0 A% q0 R
เจ้ากรรมนายเวรนี่ตัวตนมันไม่มีหรอก7 r2 s9 F9 V2 [; N! Y
มันเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลกรรม ที่เราทำไว้
$ G% h0 C/ K& k6 ?8 @# cตัวจริงที่เราเคยทำเขาไม่มายุ่งกับเราหรอก/ e3 w, V/ B% Z6 t
: F) j* C* x3 r$ ^9 y& E
อย่างเราฆ่าปลาตาย ปลาเขาก็ไม่มายุ่งกับเรา 0 Y2 m- ?$ C1 s) I: J
แต่ปรากฏของกรรมมันเล่นงานเรา # d# e* e9 P2 @. y
ถ้าปลานั่งจองเวรคอยลงโทษเราแกก็ไม่ต้องไปเกิดล่ะ6 t, E! ?/ B: T! w! R
" g" K& R/ A# Y% R3 g
คำว่าเจ้ากรรมนายเวรนี่นะ ถ้าพูดตามส่วนตัวจะว่าไม่มีก็ไม่ได้ ' z* o+ V3 l2 }' c0 w$ P  P

! J% ~8 q/ l. T( @; ~4 r  c6 Uถ้าหากเราฝึกขั้นสุกขวิปัสสโก เราจะบอกว่าไม่มีตัว เพราะไม่เคยเห็น
5 K) |7 ^' ]4 ^7 L0 u% O$ c: _% Rแต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น
. w/ W* Z6 I: R+ D6 kต้องพูดตามขั้นนะ ถ้าเราว่ากันตามหนังสือก็คิดว่าจะไม่มี
2 B5 @4 o  u6 l$ y5 [+ ?8 j$ O4 o$ m' Z7 x+ `2 f" }9 O4 {
......................5 N: O; m% E- q7 F- v; P" c
& z+ `1 z7 l6 H+ C* u
แล้วถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะได้รับไหมคะ...?& z! L3 \' J  Z$ a4 u

# n& E7 D2 @  ~5 M7 _คือว่าอุทิศส่งไปให้เขาจะได้รับหรือไม่ได้ก็ตาม
  A7 K, w2 Q& s. s% f8 D( P0 b6 ]( z0 kบุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข
/ d0 D1 o' u% P1 yไอ้กรรมต่างๆ ที่เป็นอกุศลที่เราทำไปแล้ว เราไปยั้งมันไม่ได้
# I: ^& _0 r& _แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีมีกำลังเหนือมันก็กวดไม่ทันเหมือนกัน
$ g% r8 @: Y* O/ n
, w" u3 u6 C. @" ?' kสำหรับคำอุทิศส่วนกุศลที่ใช้อยู่เดียวนี้ยาวเหมือนกันแต่ยาวตามที่ท่านบอก
  ]/ ~% H. L! m$ r" k$ Qบทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรก ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรนั่น หลวงพ่อปู่โต มาบอก1 s0 C- b0 Q! L9 @& [" {
แล้วก็บทอุทิศส่วนกุศลอีก 3 ท่อน พระยายมราช มาบอก3 S# o) L# w2 @6 P) D6 v1 X
: G( y$ l+ ^5 @, g2 n4 Z" q& u' b* f0 r
สำหรับตอนที่สองให้โมทนา - u$ j* y# _- e/ A
ท่านบอกว่าเวลาอุทิศอุทิศส่วนกุศลน่ะ ขอบอกให้ผมเป็นพยานด้วย
% ~; F/ q! K" d7 \- {ท่านบอกว่าลูกหลานของท่าน ก็คือลูกหลานของผม และมันก็ไม่แน่นักหรอก
" h5 Y+ u( N- L, C; I% _บางทีไปอยู่สำนักผมมันอาจจะลืมก็ได้ เขาอาจจะนึกถึงบุญไม่ออก
7 c5 K2 x3 o9 mถ้านึกถึงบุญไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปล่อยให้ตกนรก
) ^/ V1 ]9 ]5 C+ L6 T/ Aหากว่าถาม 3 เที่ยวนึกไม่ออก
* B4 N+ v: ?9 }+ r- iผมจะได้ประกาศว่า นี่เขาเคยบอกฉันไว้ เวลาทำบุญเขาบอกให้ฉันเป็นพยาน 7 {# P6 ?8 M" w& H+ D
แล้วก็ประกาศกุศลนั้น ก็ได้ไปสวรรค์
: U: y/ _* r9 p& ~/ h/ f
' }- k/ G2 T# i* Q/ }นายเวร4 V  s0 q, w1 _9 `  Q3 w; \0 C
เรื่องมันมีอยู่ อย่างพระถูกหอกตาย เรื่องนี้มีอยู่ในพระสูตร คือว่ามันมีอยู่ว่า; {1 C( K" G# D+ s. w7 t- X
พระองค์ ท่านกำลังเย็บจีวร เย็บไปๆ ไอ้ตัวเรือดมันอยู่ในตะเข็บจีวร ท่านไม่เห็น 0 ]( }. y/ g& }
เข็มก็ไปทิ่มเรือดตาย อย่างนี้ถือว่าเป็นบาปลงนรกไม่ได้ เพราะเจตนาไม่มี ไม่รู้ว่าอยู่ ใช่ไหม& @. l2 `# o/ B# P9 [# |9 r

7 O8 a" m; _+ o: {' hแต่ก็เป็นบังเอิญเมื่อต่างคนต่างตาย เจ้าเรือดก็ตายไปก่อน พระก็อยู่นานไม่ได้หรอกนะ
, C: `3 f3 }9 c! x6 W9 z# tไปเกิดชาติหลังเป็นคนด้วยกันทั้งคู่ ; P, s7 r# {1 h
เจ้าเรือดไปเกิดเป็นนายพรานป่าฆ่าเนื้อ พระก็ไปเกิดเป็นคน แต่ว่าบวชพระ0 U* O( @( w& U
5 [; _* ~, J+ K1 `* s8 w
ต่อมาวันหนึ่ง พระเดินสวนทางมาเจอนายพราน เห็นพรานถือหอกเกาะกะๆ
6 G) d2 b. A3 U: j+ Jท่านก็นึกหวาดเสียว ดีไม่ดีแกบ้าๆ บวมๆ จิ้มตาย ใช่ไหม ก็เลยหลบเข้าพุ่มไม้5 C. ]0 g* }6 S- P3 b7 p
พรานแกฆ่าสัตว์ก็จริงแต่จิตแกก็ดี ถือว่าพระเป็นพระ แกเดินมาเข้าไปนึก$ B% U2 K' c9 I
เอ๊ะ...พระนี่น่าจะสวนกับเราตอนนี้ เวลานี้ท่านไปไหน
' @$ {2 X9 W/ z1 v$ ]/ Yหรือบางทีท่านเห็นเราถือหอกเดินมาท่านจะกลัวเรามั้ง ไอ้หอกจัญไร 2 Y% t  D3 l3 q
พุ่งไว้ตรงนี้ก่อน เลยพุ่งหอกเข้าไปในพุ่มไม้ แล้วเดินไปมือเปล่าไป
6 @" j1 F# b5 v) ~1 s; }7 H- Vไอ้หอกระยำดันจิ้มมาที่อกพระพอดี2 `6 P' \; t( S/ n7 H* v; j
นี่ไอ้นี่จะถือว่าเป็นกรรมไม่ได้ ต้องถือว่าเป็นเวร 7 [; O1 ~% c7 |% k+ ?
ถ้ากรรมก็ดึงลงอบายภูมิ นี่เป็นเวรมาสนองกัน/ [% t( I  [1 `

5 l1 x* x, I. l, r0 P! x9 ~4 nโดย ...หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนังสืออุทิศส่วนกุศล

Rank: 1

อนุโมทนาสาธุครับ ท่าน webmaster ด้วยครับ สาธุครับ

Rank: 1

พอดีอ่านในหนังสือเล่มนึึงค่ะเจอศัพท์คำว่า "เชื่อมบุญ"  และ "โอนบุญ"  มีความแตกต่างกับสองอย่างแรกอย่างไรคะ

Rank: 9Rank: 9Rank: 9

ในการ "เบิกบุญ" ต้องเข้าใจว่า บุญเราไปอยู่ที่ไหน บุญไปอยู่ที่สังสารวัตหน้า หรือภพหน้า เหมือนชาตินี้ เรากินบุญชาติก่อน แล้วบุญก็ฝังอยู่จิตเจตสิกของเรา และบุญก็ถูกบัญทึกใน สามภพ คือ ยมโลก เทวโลก พรหมโลก เช่น ถ้าเราทำบุญด้านกรรมฐาน ก็จะลิ้งค์ไปที่ พรหมโลก โดยมีท่านท้าวมหาพรหมดูแลอยู่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นในการจะเบิกบุญต้องอธิษฐานจิตว่า "ขอบุญที่กระทำ ณ โอกาสนี้ ที่จะส่งไปยังภพหน้า จงมาสำเร็จแก่ข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันด้วยเทอน" ด้วยการอธิษบานจิตนี้่บุญก็จะส่งกลับมาทำให้เกิดความคล่องตัวปราถนาอะไรสำเร็จ แต่เราเองก็อย่าเบิกจนเพลินไม่ทำต่อหละ ก็ต้องทำต่อยอดให้มากยิ่งขึ้น ..." x; i; j, q; [# V' a/ f
! i% _, z( E8 l0 i- l
ส่วนการ "อุทิศบุญ" นั้นเราจะอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรคนอื่นไม่ได้ ตามหลักการคือ เขาไม่รู้จักเรา แล้วจะเอาของที่เราให้ได้อย่างไร เพราะคนที่เขารู้จักคือ แม่เรา เพราะฉะนั้น เราทำบุญต้องบอกให้แม่เรารับรู้ก่อน แล้วให้แม่เราอุทิศต่อ แบบนี้ถึงจะถูก เจ้ากรรมนายเวรของใครของมัน ก็ชดใช้กันไปอุทิศกันไป เหมือนเราเอาเงินให้แม่ แล้วแม่ก็เอาเงินนั้นถือว่าเป็นของแม่ ไปใช้หนี้กับคนที่แม่เป็นหนี้ คือ เจ้ากรรมและนายเวร นั้นเอง ส่วนเจ้ากรรมนายเวรของเรา เราต้องฉลาดหน่อย ต้องอธิษฐานกำหนดจิตบอกว่า "ขอบุญใดที่จะเกิดกับข้าพเจ้ามากน้อยเพียงใด ขอบุญนั้นจงสำเร็จแด่เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าเช่นกัน ขอให้มีความสุข ในทุกๆ ครั้งที่ข้าพเจ้าทำบุญ ถึงแม้จะลืมอุทิศด้วยจิตที่กำหนดในเจตสิกนี้ จงเป็นไปโดยอัตโนมัติ" เมื่อกำหนดแบบนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอุทิศเพราะเรากำหนดจิตและสั่งจิตล่วงหน้าแล้ว และมั่นดับจิตเจตสิก โดยกำหนดว่า "เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" แบบนี้เรียกว่ากำหนดดับจิตเจตสิก
) [7 K$ E% U3 N
0 }8 x, y" V4 I5 @/ L  z

. k/ e0 @! C& ]& ^* [วิธีการดับจิตเจตสิก
" W9 f* U$ l6 h) |4 _เวลาเรานั่งๆ ไปก็นึกถึงเวรกรรมที่ได้ทำ แล้วก็กำหนดลบจิตเจตสิกไปว่า * \2 V3 C1 J  E: h" g# \1 M
"เนวะสัญญา นาสัญญา ยะตะนะ ข้าพเจ้าไม่ขอมีเวรมีกรรมต่อผู้ใดอีกต่อไป ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป" ทำแบบนี้จนมันนึกไม่ออกทำยังไงก็นึกไม่ออกแบบนี้ กรรมที่ติดในเจตสิกของเราก็ได้ หายไปแล้วดับไปแล้ว ทำบ่อยๆ ก็มีแต่กรรมดีเข้าสนอง ก็ทำให้เรามีความสุข

7 r# C7 ~; W; o# C

Rank: 1

Rank: 1

อนุโมทนาสาธุครับ สาธุครับ ได้ความรูัอีกแล้วครับ สาธุ

Rank: 1

ตอบกระทู้ yuiflukefo ตั้งกระทู้
$ j- Z, Y3 P( S8 E+ i& u" j% b3 Y, T- c/ }' o0 `1 W0 M
จากคำถามผมขอตอบแบบนี้ก็แล้วกัน  จากประสบการณ์ที่ผ่ามมา ทำให้ผมได้เข้าใจว่าการ อุทิศบุญ กับการเบิกบุญมีความแตกต่างกัน คือ
9 p; |8 V9 R" b+ P: |; V; n"อุทิศบุญ" คือ การที่ให้บุญผู้อื่น(ผู้ที่ไม่มีกายหยาบแล้ว) ในขณะที่เรานั้นกำลังสร้างบุญ เช่น ตักบาตร ปล่อยสัตว์ ซื้อของให้แม่ ตักน้ำให้แม่ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และอื่นๆมากมาย ในขณะที่เรากำลังสร้างบุญ จะเกิดแสงสีขาวสว่างวาบออกมา จะคงสภาพอยู่ประมาณ ๓ วินาที ระหว่างนี้ให้เราคิดทันทีว่า "บุญนี้ให้แก่...(ผู้ที่เราจะให้)........" บุญที่เราทำก็จะไปถึงผู้ที่เราให้ทันทีแล้วบุญที่ให้เขาจะสะท้อนกลับมาสู่ตัวเราอีกทีหนึ่ง- U* _0 n+ U3 ~
"การเบิกบุญ" คือ การที่เราให้บุญคนอื่นในขณะที่เราไม่ได้สร้างบุญ โดยปกติแล้วบุญที่เราสร้างจะถูกนำไปเก็บ ณ สถานที่หนึ่ง ที่เรียกกันว่าธนาคารบุญ โดยทั่วไปหากเราต้องการเบิกเงินเราต้องไปแจ้งความประสงค์ที่นายธนาคารเพราะนายธนาคารจะมีอำนาจในการเบิกจ่ายเงิน ธนาคารบุญก็เช่นกันเราขะขอเบิกบุญเราก็ต้องแจ้งที่นายธนาคารที่มีอำนาจแทนการเบิกจ่าย นายธนาคารก็จะมีใครละที่จะมีอำนาจ ดัง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  โดยเราอธิฐานว่า "ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าลงมาส่งไปยัง...(ผู้ที่เราต้องการให้)....." เท่านี้ก็เสร็จขบวนการ
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2025-12-16 08:17 , Processed in 0.046492 second(s), 13 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.