แดนนิพพาน "โมทนาทุกดวงจิตถึงซึ่งแดนนิพพาน"

 

   

ค้นหา
เจ้าของ: pimnuttapa
go

วัดพระพุทธบาทตากผ้า ม.๖ ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน [คัดลอกลิงค์]

Rank: 8Rank: 8

IMG_6988.JPG



ศาลาครอบถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6978.JPG



IMG_7023.JPG



ถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7024.JPG



ประวัติถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ถ้ำฤาษี ตั้งอยู่กลางลานของวัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นถ้ำขนาดเล็ก ที่เกิดจากการขุดเจาะเอาศิลาแลง เพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างกำแพง อุโบสถ วิหาร และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัด จนเกิดเป็นถ้ำขนาดเล็ก มีบันไดทอดลงไปภายในถ้ำ

ด้านในถ้ำ มีรูปปั้นพระฤาษีตั้งอยู่ไว้ เพื่อเป็นที่กราบไหว้บูชาและขอพรแก่ประชาชนทั่วไป และมีช่องสำหรับลอดเข้าไปแล้ววนกลับมาที่เดิมได้

ส่วนด้านบนของถ้ำ ทางวัดได้สร้างศาลาขนาดเล็กครอบเอาไว้อีกชั้น เพื่อป้องกันแดดและฝน



IMG_7027.JPG



IMG_7029.JPG



รูปปั้นพระฤาษี ภายในถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_7033.JPG



IMG_7035.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ ประดิษฐานอยู่บริเวณถ้ำฤาษี วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7072.JPG



หอพระ ตั้งอยู่บริเวณรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7077.1.jpg



พระพุทธรูปต่างๆ ประดิษฐานภายในหอพระ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7045.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ ประดิษฐานอยู่บริเวณรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5422.JPG



IMG_7080.JPG



IMG_5423.JPG



IMG_5433.JPG



พระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5430.JPG



ประวัติพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของวิหารจตุรมุข เป็นอาคารทรงไทย สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามีสองชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบทอง พื้นปูด้วยไม้ปาเก้ ฝาผนังเป็นศิลาแลงโบกด้วยปูน ประตูและหน้าต่างเป็นบานไม้แกะสลักลายไทย ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม หน้าต่างประตูพระอุโบสถ มีทั้งหมด ๑๒ ช่อง บนซุ้มหน้าต่างประดับลวดลายด้วยรูป ๑๒ นักษัตร ฝีมือประณีตบรรจงมาก

ด้านในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชมงคลบพิตรปางมารวิชัย สถิตอยู่ซุ้มเรือนแก้วอันงดงาม พุทธลักษณะสร้างเลียนแบบพระพุทธชินราช มีอัครสาวก คือ พระมหาโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ประนมมืออยู่เบื้องซ้ายและขวาของพระพุทธรูป

พระอุโบสถหลังใหม่นี้ บูรณะซ่อมแซมจากหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาและได้รับพระราชทานเมื่อ วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖ กำหนดเขตกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๓๐ เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาตัดลูกนิมิตประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถเมื่อ วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙



IMG_5421.JPG



IMG_7082.JPG



โรงเรียนพระปริยัติธรรม สำนักศาสนศึกษาวัดพระพุทธบาทตากผ้า (แผนกบาลี-ธรรม) และโรงเรียนพรหมจักรสังวร (แผนกสามัญศึกษา ม.๑-ม.๖) กองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7042.JPG



IMG_7070.JPG



IMG_7057.JPG



066.jpg



IMG_7053.JPG



รอยตากผ้าจีวรองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า

สถานที่แห่งนี้เป็นที่ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้รับสั่งให้พระอานนท์ พระภิกษุผู้อุปัฏฐาก นำจีวรของพระพุทธองค์ไปตากผึ่งให้แห้งบนลานหิน จนปรากเป็นรอยตากผ้ามาจนถึงปัจจุบัน

รอยที่ปรากฏอยู่บนแผ่นศิลาแลงขนาดใหญ่ มีความกว้าง ๒.๙๗ เมตร ยาว ๔.๒๓ เมตร รอบรอยตากผ้าได้ทำฐานด้วยศิลาแลง ขนาด ๐.๓๐ x ๓.๓๐ เมตร มีความสูง ๐.๓๗ เมตร ตั้งใบเสมาที่ทำด้วยศิลาแลงไว้บนฐานโดยรอบจำนวน ๓๓ ใบ


IMG_7043.1.jpg



IMG_7036.JPG



ตำนานรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดเวไนยสัตว์มายังดินแดนสุวรรณภูมิ จนกระทั่งเสด็จมายังดินแดนล้านนา ขณะที่พระองค์เสด็จผ่านแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำปิง และแม่น้ำกวง รับสั่งให้พระอานนท์นำจีวรไปซักในแม่น้ำ


จากนั้นเสด็จมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณผาลาดแห่งนี้ แล้วทรงหยุดรับสั่งให้พระอานนท์นำจีวรไปตากบนแผ่นศิลาแลงขนาดใหญ่บนผาลาดใกล้ๆ บริเวณที่ประทับ ซึ่งปรากฏเป็นรูปรอยตารางขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายๆ รอยตากผ้าจีวรบนแผ่นศิลาขึ้นปรากฏถึงปัจจุบัน และภายหลังสถานที่แห่งนี้จึงมีนามปรากฏว่า วัดพระพุทธบาทตากผ้า

ลักษณะของรอยตากผ้าจีวร เป็นรูปตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้า คล้ายกับรอยคันนา (ผืนนา) ของชาวมคธอินเดีย ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จผ่านเมืองราชคฤห์ ทรงทอดพระเนตรเห็นคันนาของชาวมคธ จึงตรัสกับพระอานนท์ว่า

“ดูกรอานนท์ เธอสามารถที่จะทำจีวร ให้เหมือนกับคันนาของชาวมคธได้หรือไม่?” พระอานนท์จึงรับพระพุทธดำรัสมาดำเนินการ และได้ออกแบบตรงตามพุทธประสงค์ จึงทำให้เกิดเป็นแบบของจีวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนปัจจุบันพระสงฆ์ก็ยังใช้จีวรที่ออกแบบโดยพระอานนท์เป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี


--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : ป้ายตำนานรอยตากผ้า ภายในวัดพระพุทธบาทตากผ้า และนาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์, หน้า ๒๑๗-๒๑๙.)


IMG_7056.JPG



ป้ายตำนานรอยตากผ้า วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7061.JPG



คำไหว้รอยตากผ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ท่อง ๓ จบ)
        
อิมัสมิง เทวะมะนุสสานัง สัตถุโน ภะคะวะโต ปะริโภคะเจติยัง อะหัง วันทามิ สิระสาฯ นิพพานะปัจจะโย โหตุฯ


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_7003.JPG



ภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_7005.JPG



IMG_7020.JPG



พระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7021.JPG



ประวัติการสร้างพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์

วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระพุทธรูปพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลือง ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยทรงเครื่องแบบกษัตริย์ ประดับอัญมณีมีค่า หน้าตักกว้าง ๑.๙๕ เมตร สูง ๒.๕๙ เมตร จำนวน ๕ องค์

พร้อมทั้งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ และองค์รวมอีก ๑ องค์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะเช่นเดียวกัน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ มาบรรจุในองค์รวมนี้ด้วย

ภัทรกัป แปลว่า กัปที่เจริญ หมายถึงว่า เป็นกัปที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ ได้แก่
๑. พระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
๔. พระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า
๕. พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า

ในจำนวน ๕ พระองค์นี้ ได้ลงมาจุติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์แล้ว ปัจจุบันเป็นยุคศาสนาของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อไปจะเป็นยุคศาสนาของ
พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า จะลงมาจุติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลอนาคตข้างหน้าสืบต่อไป


IMG_7011.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดากกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7012.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7015.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดากัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7017.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาโคตมะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ หรือองค์ปัจจุบัน) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7019.JPG



พระพุทธรูปสมเด็จพระจอมศาสดาศรีอริยะเมตไตรยะสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ หรือองค์อนาคตข้างหน้า) ในภัทรกัป ประดิษฐานภายในวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

059.jpg



IMG_6957.JPG



หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_6991.JPG



ประวัติหอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


หอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า ใช้สำหรับสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทางวัดจัดให้มีการสรงน้ำขึ้นเป็นประจำทุกปี ในงานประเพณีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุประจำปี ซึ่งตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ เหนือ ซึ่งอยู่ประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี

หอสรงน้ำนี้ เป็นทรงไทยรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคายอดมณฑป สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีแท่นสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาในงานประเพณีสรงน้ำในวันอัฐมีบูชาของทุกปี หอสรงน้ำนี้ สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภายหลังมีการสร้างอนุสาวรีย์ท่านครูบา
พรหมา พฺรหฺมจกฺโก (พระสุพรหมยานเถร) เพื่อเป็นอนุสรณ์ด้วย



IMG_6963.JPG



อนุสาวรีย์พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) ประดิษฐานด้านหน้าหอสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6970.JPG



IMG_6972.JPG



อนุสาวรีย์พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6977.JPG



060.jpg



วิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_6981.JPG



ประวัติวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


วิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน สร้างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์


ซึ่งพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์นี้ คุณสิทธิ ศิลปวานิช พร้อมครอบครัว เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย ทำพิธีเททองหล่อ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ และวันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๑ ในการก่อสร้างพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คุณอรุณี สิรินทะสมบัติ พร้อมครอบครัว ญาติพี่น้อง เป็นเจ้าภาพใหญ่ ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา


IMG_6985.JPG



IMG_6987.JPG



IMG_6994.JPG



IMG_6997.JPG



รูปท้าวมหาราชทั้ง ๔ (ท้าวจตุโลกบาล) ประดับบันไดทางขึ้นหน้าวิหารพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6720.JPG



ศาลาพระประจำวัน วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_6945.JPG



วิหารพระเจ้าทันใจ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของศาลาการเปรียญหลังใหญ่ เป็นวิหารที่เก่าแก่คู่กับวัดพระพุทธบาทตากผ้ามานาน เป็นวิหารทรงไทย ฝาผนังก่อด้วยศิลาแลง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ ส่วนของหน้าบันแกะสลักลวดลายสวยงามมาก ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย เรียกกันว่า "พระเจ้าทันใจ"


IMG_6949.JPG



พระเจ้าทันใจ ประดิษฐานภายในวิหารพระเจ้าทันใจ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6951.JPG



ประวัติการสร้างพระเจ้าทันใจ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


พระเจ้าทันใจ วัดพระพุทธบาทตากผ้า สร้างด้วยปูนปั้น ช่างสกุลล้านนา ปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน หน้าตักกว้าง ๑.๒๑ เมตร สูง ๑.๙๐ เมตร มีพุทธลักษณะสง่างาม เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

พระเจ้าทันใจ เป็นพระพุทธรูปที่นิยมสร้างในวัดที่สำคัญในภาคเหนือ และต้องสร้างให้เสร็จภายใน ๑ วัน เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธานุภาพ สามารถให้เกิดโชคลาภ เกิดความสำเร็จแก่ผู้ขอพรได้ตามความปรารถนาอย่างทันอกทันใจ

การสร้างพระเจ้าทันใจ เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน เพราะจะต้องเตรียมการเพื่อสร้างให้เสร็จภายในวันเดียว คือ เริ่มทำพิธีสร้างองค์พระตั้งแต่ ๖ โมงเป็นต้นไป และสร้างให้แล้วเสร็จก่อนตะวันตกดิน คือ ก่อน ๑๘ นาฬิกา จึงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง เชื่อว่าเป็นเพราะพุทธานุภาพ เทวานุภาพที่บันดาลให้ปราศจากอุปสรรค และความตั้งใจมั่นของผู้สร้างที่ได้พร้อมจิตพร้อมใจร่วมกันสร้าง แต่ถ้าการสร้างไม่เสร็จภายในวันเดียว จะเป็นพระพุทธรูปธรรมดาไป

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะบรรจุหัวใจคล้ายหัวใจมนุษย์ที่ทำด้วยวัตถุมีค่า และนิยมบรรจุสิ่งของมีค่าไว้ในพระพุทธรูปด้วย ในระหว่างทำพิธีสร้างองค์พระ พระสงฆ์จะเจริญพุทธมนต์ตลอดคืนจนสว่าง และสามารถทำพิธีพุทธาภิเษกได้ในเย็นอีกวันหนึ่ง


IMG_6927.JPG



IMG_6935.JPG



ศาลาพระสังกัจจายน์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6940.JPG



รูปพระสังกัจจายน์ ประดิษฐานภายในศาลาพระสังกัจจายน์ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6939.JPG


คำบูชาพระสังกัจจายน์
(ว่านะโม ๓ จบ) อิมินา สักกาเรนะ สาวะกะสังโฆ กัจจายะนะเถโร มะหาเตชะวันโต พุทธะโภคาวะโห ปาระมีตาโร อิทธิฤทธิ ติตะมะณะตัง สะระณัง คัจฉามิ


IMG_6918.JPG


ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_7147.JPG


ประวัติศาลาการเปรียญหลังใหญ่ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ วัดพระพุทธบาทตากผ้า เป็นอาคารทรงไทยชั้นเดียว สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนของหลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ พื้นเป็นคอนกรีตปูกระเบื้อง ส่วนของฝาผนังก่อด้วยศิลาแลง ฉาบทับด้วยปูน ศาลาการเปรียญหลังใหญ่นี้ใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ของวัด ใช้เป็นที่ทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็นของพระภิกษุ-สามเณร อุบาสก-อุบาสิกาภายในวัด รวมทั้งใช้เป็นที่ฉันภัตตาหารเช้าเพลของพระภิกษุ-สามเณรภายในวัดด้วย

ส่วนด้านหน้าของศาลาการเปรียญ เรียกว่า ศาลาดาดฟ้า ใช้สำหรับฉันภัตตาหารของสามเณรภายในวัดเช่นกัน ด้านหน้าของศาลาดาดฟ้า เป็นที่บูชาวัตถุมงคลของวัด

ด้านหลังของศาลาการเปรียญ เรียกว่า ศาลากรรมฐาน ใช้สำหรับสอนกรรมฐานแก่พระภิกษุบวชใหม่ และใช้เจริญกรรมฐานของพระภิกษุ-สามเณร อุบาสก-อุบาสิกา และพุทธศาสนิกชนผู้เข้าปฏิบัติธรรมทั่วไป


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6914.JPG



รอยบาตร วัดพระพุทธบาทตากผ้า

รอยบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ประดิษฐานอยู่ข้างพระวิหารจตุรมุข มีลักษณะเป็นหลุมลึกลงไปในหินดานคล้ายก้นบาตร


IMG_5389.JPG



คำไหว้พระบาตร
(ว่านะโม ๓ จบ) วันตามิ ปาตะ เจติยัง สัพพะฐาเน สุปะติฏฐิตา สะรีระธาตุ มะหาโพธิง พุทธะรูปัง สะกะลัง สะตา อะตีตา อะนาคะตา ปัจจุปันนา จะเย จาตา อะหัง นาโถ



IMG_4978.JPG



มณฑปครอบรอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ
ประดิษฐานข้างพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6770.JPG



IMG_6902.JPG



IMG_6757.JPG



มณฑปครอบรอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6759.1.jpg



IMG_6762.JPG



IMG_6764.JPG



รอยเท้าพระอรหันต์ อายุ ๗ ขวบ
วัดพระพุทธบาทตากผ้า

รอยเท้านี้เป็นรอยเท้าของพระอรหันต์อายุ ๗ ขวบ ที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามายังสถานที่แห่งนี้ และได้อธิษฐานเหยียบเป็นรอยไว้บนพื้นหินนี้ มีขนาดยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ทางวัดได้ลงรักปิดทองไว้อย่างสวยงาม


IMG_5010.JPG



IMG_5015.JPG



IMG_5021.JPG



รูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร และ พระอรหันต์ ๗ ขวบ
ประดิษฐานบริเวณข้างพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า



IMG_5024.JPG



คำไหว้หลวงปู่เทพโลกอุดร

พุทฺโธ พุทฺธัง อรหัง พุทฺโธ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

054.jpg



รูปเหมือนพระครูบาเจ้าศรีวิชัย และ
พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) (เรียงจากซ้ายมือ-ขวามือ) ประดิษฐานภายในพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6776.JPG



รูปเหมือนพระครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย (พระครูบาเจ้าศรีวิชัย) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านปาง รูปที่ ๑ นักบุญแห่งล้านนาไทย ประดิษฐานภายในพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_6777.JPG



IMG_6779.JPG



รูปเหมือนพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า รูปที่ ๑ ประดิษฐานภายในพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_0383.JPG



ประวัติพระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก)

อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทตากผ้า รูปที่ ๑


ชาติภูมิ
พระสุพรหมยานเถร มีนามเดิมว่า “พรหมา พิมสาร” เกิดเมื่อวันอังคาร ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๔๑ ตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ (เดือน ๑๒ เหนือ) ปีจอ ณ บ้านป่าแพ่ง ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เป็นบุตรของ นายเป็ง-นางบัวถา พิมสาร มีพี่น้องร่วมกัน ๑๓ คน คือ
๑. พ่อน้อยเมือง พิมสาร
๒. เด็กหญิง (ไม่ทราบชื่อ)
๓. แม่อุ้ยคำ หล้าดวงดี
๔. พ่อหนานนวล พิมสาร
๕. พ่อหนานบุญ พิมสาร
๖. พระสุธรรมญาณเถร
๗. พระสุพรหมยานเถร (เจ้าของประวัติ)
๘. พระครูสุนทรคัมภีรญาณ
๙. พ่อหนานแสง พิมสาร
๑๐. แม่ธิดา สุทธิพงษ์
๑๑. แม่นางบัวหลวง ณ ลำพูน
๑๒. เด็กหญิงตุมมา พิมสาร
๑๓. นางแสงหล้า สุภายอง

ซึ่งทุกรูปและทุกคนได้ถึงแก่มรณภาพและถึงแก่กรรมไปหมดแล้ว

บรรพชา
ท่านได้ทำการบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี ในวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๕ ณ วัดป่าเหียง ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน โดยมีเจ้าอธิการแก้ว ขตฺติโย เป็นพระอุปัชฌาย์

อุปสมบท
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านได้กลับมารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดป่าเหียง ในวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๑ โดยมีเจ้าอธิการแก้ว ขตฺติโย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ฮอม โพธิโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สม สุรินฺโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และท่านได้นามฉายาว่า “พฺรหฺมจกฺโก”

การปฏิบัติธรรม
ท่านครูบาพรหมา ได้รับโอวาทจากพระอุปัชฌาย์ว่า “ถ้าฮักตั๋ว ก็จงตั้งใจ๋ปฏิบัติธรรม” ท่านจึงฝักใฝ่ในการปฏิบัติธรรมตลอดมา จนกระทั่งวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๔ ท่านครูบาได้ออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรที่เงียบสงบเรื่อยๆ จนทั่วภาคเหนือ ไปจนถึงเขตแดนประเทศพม่าและประเทศลาว ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนานัปประการ บางครั้งก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อด้วยความมุ่งมั่นที่จะเดินตามรอยพระยุคลบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับว่าท่านเป็นพระภิกษุรูปแรกที่ออกเดินธุดงค์ในภาคเหนือ รวมเวลาเดินธุดงค์ทั้งสิ้น ๒๕ ปี ท่านครูบาเป็นนักปฏิบัติธรรมที่เสมอต้นเสมอปลายต่อข้อวัตรปฏิบัติเสมอมา เช่น การบิณฑบาตเป็นวัตร การฉันอาหารมื้อเดียวเป็นวัตร การอยู่ป่าเป็นวัตร การอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร เป็นต้น

นิสัยใจคอ
ท่านเป็นผู้ที่มีนิสัยใจคอเยือกเย็น ชอบความสงบสงัด ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับใคร และไม่เคยติฉินนินทาใคร แม้ใครจะติฉินนินทาว่าร้ายท่านอย่างไร ท่านก็เฉยไม่โกรธ ยิ่งกว่านั้นท่านยังอำนวยอวยพรให้แก่ผู้ที่ติฉินนินทาเป็นการให้อภัยทาน

ด้านการเผยแผ่ศาสนา
ท่านเป็นผู้ที่ใฝ่ใจทั้งใจด้านปริยัติและปฏิบัติ เห็นได้จากเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ ท่านได้จัดตั้งสำนักศาสนศึกษาเปิดสอนนักธรรมขึ้น และเปิดสอนบาลีขึ้นอีกในปีถัดมา จากนั้นท่านได้จัดตั้งสำนักวิปัสสนากัมมัฏฐานขึ้นตามลำดับ จนทำให้วัดได้รับการยกฐานะเป็น “วัดพัฒนาตัวอย่าง” จากกรมการศาสนา เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ และได้รับการยกฐานะจากวัดราษฎร์ เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๒ นอกจากนี้ท่านยังได้ออกไปอบรมศรัทธาประชาชนในที่ต่างๆ ทั้งได้จัดพิมพ์หนังสือธรรมะแจกจ่ายให้กับศรัทธาประชาชนเป็นจำนวนมาก


IMG_6797.JPG



IMG_6800.JPG



เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพ พรรณี ทรงนำเสด็จพระราชอาคันตุกะ พระเจ้ากรุงเดนมาร์ค และพระราชินีอินกริด เสด็จมานมัสการพระพุทธบาทตากผ้า

และเสด็จเยี่ยมประชาชนที่มารอเฝ้าชมพระบารมีอยู่รอบๆ บริเวณวิหารพระพุทธบาท โดยเสด็จออกจากประตูทิศใต้ ดำเนินไปถึงศาลาการเปรียญตะวันตก เสด็จเข้าไปพักผ่อนพระราชอิริยาบถและทรงเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ ที่นั้น พร้อมกับได้ทรงลงพระปรมาภิไธย ซึ่งทางวัดได้จัดทูลเกล้าถวาย แล้วเสด็จกลับพระราชตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์เชียงใหม่


IMG_5330.JPG


ช้างเสี่ยงทายความสำเร็จ ภายในพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5333.JPG



วิธีอธิษฐานยกช้างเสี่ยงทายความสำเร็จ ภายในพระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_6882.JPG



ตำนานรอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทตากผ้า


จาก วัดพระพุทธบาทตากผ้า (ออนไลน์)



ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ตามที่ต่างๆ ใกล้รุ่งเช้าวันหนึ่ง พระองค์ได้แผ่ข่ายคือพระญาณตรวจดูสัตว์ผู้ควรแก่การบรรลุธรรม ก็ทรงทราบด้วยพระอนาคตังสญาณว่า ดินแดนสุวรรณภูมิ จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไปในอนาคตกาล สมควรที่พระองค์จะเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์และประดิษฐานพระพุทธศาสนา ครั้นแล้วจึงได้เสด็จมายังสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยพระอานนท์ เสด็จไปยังสถานที่ต่างๆ และแต่ละที่พระองค์เสด็จไป ได้ทรงประทานพระเกศาธาตุบ้าง ทรงอธิษฐานเหยียบรอยพระบาทบ้าง

ครั้งทรงเสด็จผ่านดินแดนล้านนา ขณะที่เสด็จผ่านลำน้ำแห่งหนึ่ง มีน้ำใสสะอาด เป็นที่บรรจบของแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำปิง และแม่น้ำกวง รับสั่งให้พร
ะอานนท์นำจีวรไปซัก บริเวณนี้จึงมีชื่อว่า “วังซักครัว” และได้เสด็จมาจนถึงบริเวณผาลาด แล้วทรงหยุดรับสั่งให้พระอานนท์นำจีวรไปตาก ณ ผาลาดแห่งนี้ พระองค์ได้ทรงอธิษฐานตั้งพระทัยประทับรอยพระบาทเป็นปาทเจดีย์ จำนวน ๒ รอย เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก

แล้วทรงพยากรณ์ว่า “ดูกรอานนท์ สถานที่แห่งนี้จะปรากฏชื่อว่า พระพุทธบาทตากผ้า โดยนิมิตที่ตถาคตมาหยุดพักตากผ้าจีวรนี้ จะเป็นปูชนียสถานที่สักการะของมหาชน ผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จะอำนวยประโยชน์แก่ปวงชนตลอด ๕,๐๐๐ พรรษา” ด้วยเหตุนี้ สถานที่แห่งนี้จึงปรากฏนามว่า “วัดพระพุทธบาทตากผ้า” จนถึงปัจจุบันนี้

--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : วัดพระพุทธบาทตากผ้า. ประวัติวัดพระพุทธบาทตากผ้า. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.phrabat.net/wat_history/. (วันที่ค้นข้อมูล : ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖))


IMG_5054.JPG



ตำนานพระพุทธบาทตากผ้า


เรียบเรียงโดย นาคฤทธิ์

หนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง



หลวงปู่พระครูบาพรหมา (พระสุพรหมยานเถร) ได้คัดลอกจากตำนานที่ท่านเจ้าคุณพระศรีศิลป์สุนทรวาที ได้เรียบเรียงไว้ กล่าวโดยย่อพอสังเขปดังนี้

ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแผ่ข่ายพระญาณ เพื่อตรวจดูสัตว์โลกผู้ควรแก่ธรรมาภิสมัย (การบรรลุธรรม) ก็ทรงทราบว่า สุวรรณภูมิคือ ประเทศไทย จะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนามั่นคงต่อไปในอนาคต สมควรที่พระองค์จะเสด็จไปฐาปนาตั้งพระศาสนาไว้

ครั้นทรงมีพระดำริดังนั้นแล้ว พระองค์จึงทรงเสด็จมาสู่สุวรรณภูมิโดยพุทธนิมิตร มีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ พร้อมด้วยพระอินทร์และพระเจ้าอโศกราช ได้เสด็จจาริกมาตามคามนิคมชนบทต่างๆ จนกระทั่งถึง ถ้ำตับเตา ถ้ำเชียงดาว พระนอนขอนม่วง พระบาทยั้งหวีด และพระธาตุทุ่งตูม ตามลำดับ ได้ทรงเหยียบรอยพระบาทและประทานเกศาธาตุประดิษฐานไว้ในที่นั้นๆ

แล้วเสด็จเลียบลงมาตามฝั่งแม่น้ำปิง พอเสด็จมาถึงวัง (แอ่งน้ำ) แห่งหนึ่ง ทรงหยุดพักเปลื้องผ้ากาสาวพัสตร์ (จีวร) ให้พระอานนท์นำไปซัก สถานที่นั้นจึงได้ชื่อว่า “วังซักครัว” มาตราบเท่าทุกวันนี้ อยู่ใต้สบกวง (ปากแม่น้ำกวง)

จากนั้นพระองค์เสด็จต่อถึงบ้านระหว่างทางไม่ไกลจากดอยม่อนช้างเท่าใดนัก พระองค์ทรงหยุดยืนนิ่งผินพระพักตร์หว่ายไป (บ่ายไป) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ บ้านนั้นจึงได้ชื่อว่า “บ้านหว่าย” เดี๋ยวนี้เรียกว่า “บ้านหวาย” แล้วก็เสด็จมาถึงบนลานผาลาด (คือบริเวณวัดพระพุทธบาทตากผ้าปัจจุบัน) พระองค์จึงมีพุทธฎีกาตรัสแก่พระอานนท์ให้นำเอาจีวรไปตากบนผาลาดใกล้ๆ ที่ประทับนั้น ซึ่งยังปรากฏเป็นรอยตารางคล้ายๆ ตาผ้าจีวรของพระมาจนบัดนี้

ในกาลครั้งนั้น พระองค์จึงทรงอธิษฐานเหยียบพระบาทประดิษฐานรอยไว้บนผาลาดนี้ แล้วทรงพยากรณ์ว่า “ดูราอานนท์ สถานที่นี้จะปรากฏชื่อว่า “พระพุทธบาทตากผ้า” โดยนิมิตที่เราตถาคตมาหยุดพักตากผ้ากาสาวพัสตร์นี้ และจะเป็นปูชนียสถานที่สักการบูชาของมหาชน จะอำนวยประโยชน์อย่างสูงแก่ปวงชนตลอด ๕,๐๐๐ พรรษา”

--------------------


(แหล่งอ้างอิงข้อมูล : นาคฤทธิ์ รวบรวมชำระสะสาง (๒๕๔๐-๒๕๔๕). (๒๕๔๕, ตุลาคม). พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับชำระสะสาง (พิมพ์ครั้งที่ ๑). เชียงใหม่ : ลานนาการพิมพ์, หน้า ๒๑๗-๒๑๙.)

บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html

Rank: 8Rank: 8

IMG_5065.JPG



IMG_6899.JPG



รอยพระพุทธบาท ประดิษฐานภายในมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า

จากตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึงสถานที่แห่งนี้ และได้อธิษฐานประทับรอยพระบาทไว้บนพื้นหิน เพื่อเป็นที่สักการบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย


IMG_5073.JPG


รอยพระพุทธบาท วัดพระพุทธบาทตากผ้า

เป็นรอยพระพุทธบาทคู่เบื้องขวาและซ้าย ปรากฏรอยนิ้ว ของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ หรือองค์ปัจจุบัน) มีลักษณะของพระบาทขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน

รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา (รอยใหญ่) ขนาดกว้าง ๑.๒๒ เมตร ยาว ๒.๗๕ เมตร และรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย (รอยเล็ก) ประดิษฐานถัดจากรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาไปทางด้านหลังห่างกันเล็กน้อย มีขนาดกว้าง ๐.๙๖ เมตร ยาว ๑.๗๔ เมตร

เป็นรอยพระพุทธบาทที่สมส่วน สวยงามมากทั้ง ๒ รอย ส้นพระบาทมนกลม ปลายพระบาทวางผินปลายนิ้วพระบาทไปทางทิศตะวันออก และขอบรอยฝ่าพระบาทที่เหยียบลงไปมองเห็นได้ชัดเจน ปัจจุบันรอยพระพุทธบาททาสีทองเรียบร้อยแล้ว



IMG_5118.JPG



IMG_5189.jpg



IMG_5179.JPG



IMG_5256.JPG



รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ประดิษฐานภายในมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท
พระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5124.JPG



IMG_5225.JPG



IMG_5276.jpg



IMG_6811.JPG



รอยพระพุทธบาทเบื้องซ้าย
ประดิษฐานภายในมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท พระวิหารจตุรมุข วัดพระพุทธบาทตากผ้า


IMG_5125.JPG



IMG_5074.JPG



คำไหว้รอยพระพุทธบาท
(ว่านะโม ๓ จบ) ยัง ตัตถะ โยนะกะปุเร มุนิโน จะปาทัง ตัง ปาทะ วะลัญชะนะ มะหัง สิระสา นะมามิฯ


IMG_6787.JPG


คำกราบบูชารอยพระพุทธบาท

(ว่านะโม ๓ จบ) ข้าพเจ้าขอน้อมกราบรอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยระลึกนึกถึงพระคุณอันหาประมาณมิได้ ทรงเสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ประกาศธรรมนำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฏ ด้วยพระเมตตากรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ และปัญญาธิคุณ ข้าพเจ้าขอบูชารอยพระพุทธบาทด้วยความเลื่อมใสยิ่ง


ขอตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ต้องเกิดในภพชาติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนา ได้พบสัตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร ห่างไกลจากคนพาล มีโอกาสฟังธรรมประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ


กรรมใดๆ ที่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอดีตชาติก็ตามปัจจุบันชาติก็ตาม ขอกราบขออโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น


ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ ท่านผู้มีพระคุณญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบ ในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวนามมานั้น จงประสบแต่ความดี ปราศจากความทุกข์ และมีความสุขฯ ทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ



บันทึกของมิรา : http://www.dannipparn.com/forum-36-1.html
‹ ก่อนหน้า|ถัดไป

สมาชิกที่เพิ่งอ่านหัวข้อนี้

คุณต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถตอบกลับ เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก

แดนนิพพาน ดอท คอม

GMT+7, 2025-12-15 01:44 , Processed in 0.178740 second(s), 15 queries .

Powered by Discuz! X1.5

© 2001-2010 Comsenz Inc. Thai Language by DiscuzThai! Team.